คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การลักทรัพย์ที่จะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 นั้น ในขณะที่ผู้กระทำผิดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเจตนาของผู้กระทำผิดจะต้องเป็นไปเพื่อให้ความสะดวกในการลักทรัพย์ เพื่อพาทรัพย์ไปเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ หรือเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะที่จำเลยขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะข่มขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยเป็นภรรยาจำเลยให้กลับไปอยู่กับจำเลยอีก แม้สร้อยคอของผู้เสียหายจะขาดติดมือจำเลยไปเมื่อจำเลยดึงคอเสื้อของผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่ แต่การที่จำเลยได้สร้อยคอของผู้เสียหายแล้วจำเลยเอาไว้เสียโดยทุจริตไม่คืนให้ผู้เสียหายถือได้ว่าเจตนาลักทรัพย์ได้เกิดขึ้นแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยนี้กับพวกอีกหนึ่งคนมีปืนเป็นอาวุธได้ร่วมกันจับมือ กอดปล้ำกระทำอนาจารแก่นางสะพรั่งทองแก้ว โดยใช้อำนาจด้วยกำลังกายประทุษร้าย และใช้อาวุธปืนขู่เข็ญจะยิง และได้ร่วมกันลักเอาสร้อยคอทองคำราคา ๑,๗๒๐ บาทของนางสะพรั่ง และลักเอาธนบัตร ๒,๐๗๐ บาทของนายเมล์ กาญจนะประสิทธิ์โดยใช้อำนาจด้วยกำลังกายประทุษร้าย และใช้ปืนขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายยิงนางสะพรั่ง ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์การพาเอาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น เพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ จำเลยเป็นคนคนเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ ๒๐๔/๒๕๑๕ของศาลจังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๘, ๓๓๙, ๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๙, ๑๔และขอให้สั่งจำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๓,๓๙๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์ ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๐๔/๒๕๑๕ ด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นคนคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๐๔/๒๕๑๕ ของศาลจังหวัดสงขลา
ก่อนสืบพยาน นางสะพรั่ง ทองแก้ว ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘ โจทก์ไม่คัดค้านศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ของนางสะพรั่ง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๙, ๘๓ ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี คดีหมายเลขดำที่ ๒๐๔/๒๕๑๕โจทก์ถอนคำร้องทุกข์และคดีระงับไปไม่อาจนับโทษต่อไปได้ คดีไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยได้ลักเอาธนบัตร ๒,๐๗๐ บาทของนายเมล์ กาญจนะประสิทธิ์ไป ให้ยกคำขอในส่วนนี้ คงให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๑,๓๒๐ บาทแก่นางสะพรั่งผู้เสียหาย
จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมิได้มีเจตนาชิงทรัพย์ จำเลยใช้อาวุธปืนขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยเป็นภรรยาเพื่อให้ผู้เสียหายไปกับจำเลยมิได้มีเจตนาขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ พาทรัพย์ไป ให้ยื่นทรัพย์หรือยึดถือเอาทรัพย์ไว้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ที่จำเลยจับคอเสื้อผู้เสียหายสร้อยคอขาดติดมือจำเลยไปนั้น เมื่อจำเลยได้สร้อยคอของผู้เสียหายไปแล้วไม่คืนให้ผู้เสียหาย ถือว่าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เจตนาลักทรัพย์เกิดภายหลัง จะถือเอาการมีอาวุธและการมีผู้ร่วมกระทำผิดด้วยเป็นองค์ประกอบเพื่อใช้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ ไม่ได้ เพราะจำเลยมิได้มีอาวุธมาเพื่อลักทรัพย์ และไม่ปรากฏว่าพวกจำเลยมีเจตนาร่วมในการลักทรัพย์ด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔ ให้จำคุกจำเลย ๖ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฝ่ายเดียวฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปบอกให้นางสะพรั่งไปกับจำเลยพร้อมกับขู่ว่าถ้าไม่ไปจะยิงนั้น จำเลยมิได้มีเจตนาจะเอาทรัพย์ของนางสะพรั่ง หากมีเจตนาเพียงแต่จะข่มขู่นางสะพรั่งซึ่งเคยเป็นภรรยาจำเลยให้กลับไปอยู่กับจำเลยอีก เมื่อจำเลยใช้มือดึงคอเสื้อนางสะพรั่ง สร้อยคอนางสะพรั่งได้ขาดติดมือจำเลยไปด้วย จำเลยได้สร้อยคอของนางสะพรั่งแล้ว จำเลยเอาไว้เสียโดยทุจริต ไม่คืนให้นางสะพรั่ง เจตนาลักทรัพย์ได้เกิดขึ้นแล้วที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยใช้ปืนขู่นางสะพรั่งให้เกิดความกลัวไว้แล้ว ทำให้นางสะพรั่งไม่กล้าทวงสร้อยคืนในทันที ถือว่าการขู่ดังกล่าวเป็นการสะดวกแก่การลักทรัพย์และการพาเอาทรัพย์ไปอยู่ในตัวนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การลักทรัพย์ที่จะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ ในขณะที่ผู้กระทำผิดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเจตนาของผู้กระทำผิดจะต้องเป็นเพื่อให้ความสะดวกในการลักทรัพย์ เพื่อพาทรัพย์ไป เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ หรือเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะที่จำเลยขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายนางสะพรั่ง จำเลยมีเจตนาเป็นอย่างอื่น แม้สร้อยคอของนางสะพรั่งจะขาดติดมือจำเลยไปเมื่อจำเลยดึงคอเสื้อของนางสะพรั่งก็ตามการกระทำของจำเลยหาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่
พิพากษายืน

Share