แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคสองตอนท้ายบัญญัติว่าในคดีระหว่างบุคคลผู้ต้องเสียหายกับผู้รับประกันภัย ท่านให้ผู้ต้องเสียหายเรียกตัวผู้เอาประกันภัยเข้ามาในคดีด้วยนั้น ก็เพื่อจะได้พิจารณาความรับผิดของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยไปพร้อมกันถ้าผู้ต้องเสียหายละเลยไม่เรียกตัวผู้เอาประกันภัยเข้ามาสู่คดีด้วยจะมีผลเพียงทำให้ผู้ต้องเสียหายไม่ อาจเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนส่วนที่ยังขาดจากผู้เอาประกันภัยได้เท่านั้น หาได้มีผลถึงกับทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อผู้ต้องเสียหาย และทำให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นความรับผิดไปด้วยไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นบริษัทจำกัด รับจ้างขนส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์และเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุ จำเลยที่ ๒ เป็นบริษัทรับประกันภัยได้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันเกิดเหตุไว้ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๑๑นายทวีซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุในทางการที่จ้างโดยประมาท ขับด้วยความเร็วสูง ไม่เอาใจใส่ต่อป้ายสัญญาณและขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไปชนรถตักดินของโจทก์ ได้รับความเสียหายเป็นเงิน ๓๑,๓๕๕.๐๕ บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุ และนายทวีไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลย และนายทวีไม่ได้ขับรถโดยประมาท
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุในนามผู้อื่น จำเลยที่ ๒ ไม่มีสัญญาและความผูกพันกับจำเลยที่ ๑ เมื่อผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์จำเลยที่ ๒ ย่อมหลุดพ้นความรับผิด นายทวีไม่ได้ขับรถโดยประมาท ค่าเสียหายไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิเรียกร้อง และไม่ได้เรียกตัวผู้เอาประกันภัยเข้ามาสู้คดี ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิด และจำเลยที่ ๒ หลุดพ้นความผิดด้วยนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๘๗ วรรค ๒ ตอนต้น บัญญัติไว้ชัดว่า บุคคลผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนตามที่ตนควรจะได้นั้นจากผู้รับประกันภัยโดยตรงเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ต้องเสียหายย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย ไม่ต้องพิจารณาว่าโจทก์จะได้ใช้สิทธิเรียกร้องเอากับผู้เอาประกันภัยหรือไม่ ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๗ วรรค ๒ ตอนท้ายบัญญัติว่า ในคดีระหว่างผู้ต้องเสียหายกับผู้รับประกันภัย ท่านให้ผู้ต้องเสียหายเรียกตัวผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยเข้ามาในคดีด้วยนั้น ก็เพื่อจะได้พิจารณาความรับผิดของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยไปพร้อมกันถ้าผู้ต้องเสียหายละเลยไม่เรียกตัวผู้เอาประกันภัยเข้ามาสู่คดีด้วย จะมีผลเพียงทำให้ผู้ต้องเสียหายไม่อาจเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนส่วนที่ยังขาดจากผู้เอาประกันภัยได้เท่านั้น หามีผลถึงกับทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อผู้ต้องเสียหาย และทำให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นความรับผิดไปด้วยดังที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาไม่ จำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
พิพากษายืน