คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นสามีจำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญาจ้างก่อสร้างบ้านลงในที่ดินของจำเลยทั้งสอง จึงเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมและมุ่งผูกพันในสัญญาก่อสร้างกับโจทก์ในฐานะอย่างลูกหนี้ร่วมกัน แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้ลงชื่อคู่สัญญาในสัญญาจ้างผู้เดียวก็ตาม หนี้ค่าก่อสร้างบ้านที่จำเลยทั้งสองมุ่งหมายจะได้อยู่อาศัยต่อไปย่อมผูกพันจำเลยที่ 1 ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ร่วมรับผิดตามสัญญาดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างบ้านพักอาศัยลงบนที่ดินของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองบอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ จึงต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นเงินตามมูลค่างานที่โจทก์ทำไปเป็นเงิน 5,093,992.71 บาท จำเลยทั้งสองได้ชำระให้แก่โจทก์เป็นเงิน 3,579,344.50 บาท จำเลยทั้งสองต้องรับผิดชำระอีก 1,514,648.21 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 1,514,648.21 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง และเฉพาะจำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 713,810.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยทั้งสอง
โจทก์ให้การขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินจำนวน 223,196.20 บาท แก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้องโจทก์เสีย กับให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นสามีจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นโดยเป็นพยานลงชื่อในสัญญาจ้างก่อสร้างบ้านลงในที่ดินของจำเลยทั้งสอง จึงเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมและมุ่งผูกพันในสัญญาก่อสร้างกับโจทก์ในฐานะอย่างลูกหนี้ร่วมกัน แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้ลงชื่อคู่สัญญาในสัญญาจ้างผู้เดียวก็ตาม หนี้ค่าก่อสร้างบ้านที่จำเลยทั้งสองมุ่งหมายจะได้อยู่อาศัยต่อไปย่อมผูกพันจำเลยที่ 1 แม้จะไม่ได้ลงชื่อในสัญญาก็ตาม ดังนี้โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ร่วมรับผิด
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 655,281.65 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share