คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การจดทะเบียนรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมโดยมารดาของผู้เยาว์ดังกล่าวมิได้ให้ความยินยอมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลตามกฎหมายศาลเพิกถอนการรับบุตรบุญธรรมนั้นได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าสามีโจทก์ได้จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมโดยโจทก์ไม่เคยทราบและไม่เคยให้ความยินยอมที่สามีโจทก์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม ทั้งการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมนั้น จำเลยมีอายุ 14 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะและมารดาจำเลยไม่ได้ให้ความยินยอม การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของสามีโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นเสีย
จำเลยให้การว่า โจทก์กับสามีโจทก์ได้อุปการะเลี้ยงดูจำเลยเช่นบุตรโดยให้การศึกษาทั้งในและต่างประเทศ สามีโจทก์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งโจทก์ทราบดีมาแต่แรกมารดาจำเลยได้ให้ความยินยอมและคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ได้รู้เห็นยินยอมให้พันเอกหลวงเกตุนุตสงครามซึ่งเป็นสามีจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว แม้โจทก์มิได้ลงชื่อในเอกสารด้วยก็ถือว่าผู้รับบุตรบุญธรรมได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นคู่สมรสก่อนแล้วและนางยวงมารดาจเลยได้ไปให้ความยินยอมกับลงชื่อไว้ในเอกสารพร้อมกับนายจั๊วบิดาจำเลยด้วย การรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมจึงชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของพันเอกหลวงเกตุนุตสงครามไม่สมบูรณ์มไ่มีผลตามกฎหมาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมมเอกสารหมาย จ.1 แม้จะเป็นเอกสารมหาชน ก็มิใช่ข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาดที่จะให้รับฟังข้อเท็จจริงตามนั้น โจทก์ย่อมนำพยานมาสืบหักล้างได้พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักเชื่อถือได้ยิ่งกว่าพยานหลักฐานจำเลยข้อเท็จจริงฟังได้ว่านางยวงมารดาจำเลยมิได้ให้ความยินยอมเมื่อสามีโจทก์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม อม้ได้มีการจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมแล้วหากมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมย่อมไม่สมบูรณ์ไม่มีผลตามกฎหมาย ไม่จำต้องวินิจฉัยเรื่องการให้ความยินยอมของโจทก์และประเด็นข้ออื่น ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนการรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share