แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่1นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของตนให้แก่โจทก์จำเลยที่1นำส่งแล้วแต่ส่งไม่ได้และต่อมาได้แถลงต่อศาลว่ากระบวนพิจารณาอยู่ในขั้นตอนระหว่างศาลกับจำเลยที่1ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ขอให้ส่งอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ต่อมาศาลสั่งให้จำเลยที่1นำส่งใหม่แต่มิได้กำหนดเวลาให้นำส่งภายในกี่วันจำเลยที่1ไปติดต่อนำส่งหมายเมื่อพ้น7วันซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหมายดังนี้คำแถลงของจำเลยที่1มิได้ยืนยันว่าจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลพฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่1ทิ้งอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่1เพราะจำเลยที่1มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในกำหนดศาลอุทธรณ์พิพากษากลับอนุญาตให้จำเลยที่1ผัดการวางเงินค่าธรรมเนียมแล้วให้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์มิได้พิจารณาเนื้อหาในอุทธรณ์จึงมิใช่คำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์อันจะถึงที่สุดตามมาตรา236คู่ความจึงฎีกาได้ เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์แล้วก็เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยว่ามีการทิ้งอุทธรณ์หรือไม่เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่1มิได้ทิ้งอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยต่อไปถึงพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมให้จำเลยที่1ตามคำร้องได้.
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คืนสินค้าหรือใช้ราคาแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ต่อขอผัดการวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมภายในกำหนดอายุอุทธรณ์ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่วางเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งนำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้วต่อมาเห็นว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) จึงส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้ผัดการวางเงินค่าธรรมเนียมเป็นกระบวนพิจารณาระหว่างจำเลยที่ 1 กับศาลไม่จำต้องส่งสำเนาอุทธรณ์แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง คือโจทก์การที่จำเลยที่ 1 มิได้ทิ้งฟ้อง และเห็นว่า การขอผัดวางเงินค่าธรรมเนียม ของจำเลยที่ 1 เป็นการขอให้ศาลออกคำสั่งขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 จำเลยที่ 1 ชอบที่จะทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23จึงพิพากษากลับ อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ผัดการวางเงินค่าธรรมเนียมให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ และให้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์และมีคำสั่งใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…กรณีนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ผัดการวางเงินค่าธรรมเนียมของจำเลยที่ 1 ซึ่งจะต้องนำมาวางพร้อมกับอุทธรณ์ แล้วได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 1 มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในกำหนดอุทธรณ์โดยยังมิได้พิจารณาเนื้อหาของอุทธรณ์ฉบับนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ผัดการวางเงินค่าธรรมเนียมได้และให้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 จึงมิใช่เป็นคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น หรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำสั่งถึงที่สุดตามมาตรา 236 คู่ความย่อมฎีกาได้…ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 ว่า ให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาให้โจทก์ภายใน 7 วัน จำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลแล้ว แต่ส่งไม่ได้ ต่อมาจำเลยที่ 1 จึงแถลงว่ากระบวนพิจารณาอยู่ในขั้นตอนระหว่างศาลกับจำเลยที่ 1 ยังมิได้เกี่ยวข้องกับโจทก์ ขอให้ส่งอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ต่อไปซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งอีกครั้งโดยส่งแก่ทนายโจทก์ ส่งไม่ได้โดยชอบให้ปิดโดยมิได้กำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 นำส่งภายในกี่วัน ปรากฏจากรายงานหัวหน้างานเดินหมายและประกาศว่า ศาลส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์คำสั่งไปเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2526 พ้นกำหนด 7 วันแล้ว จำเลยที่ 1ไม่มานำส่ง ศาลชั้นต้นจึงจดรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 4 มกราคม2527 ว่า จำเลยที่ 1 ไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วันตามที่ศาลสั่งให้อุทธรณ์คำสั่งลงวันที่ 6 ธันวาคม 2526 กลับยื่นคำแถลงยืนยันไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งตามที่ศาลชั้นต้นสั่งถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งอุทธรณ์คำสั่ง ซึ่งความจริงจำเลยที่ 1ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลแล้วและการยื่นคำแถลงของจำเลยที่ 1 ก็เป็นการเสอนความเห็นต่อศาลว่า ขอให้ส่งอุทธรณ์คำสั่งไปศาลอุทธรณ์เพราะกระบวนพิจารณาในชั้นนี้เป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ 1 กับศาลเท่านั้น มิได้ยืนยันจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล เมื่อศาลชั้นต้นให้ส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งใหม่ก็มิได้กำหนดเวลาไว้ จำเลยที่ 1ได้ยื่นคำแถลงลงวันที่ 5 มกราคม 2527 ว่า ได้ติดตามไปเพื่อนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แล้ว ปรากฏว่าในหมายระบุให้นำภายใน 7 วันเจ้าหน้าที่ได้ส่งคืนไปแล้วจึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งใหม่พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ไม่พอฟังว่า จำเลยที่ 1 เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด อันจะถือได้ว่าเป็นการทิ้งอุทธรณ์คำสั่งตามมาตรา 174(2)…ศาลชั้นต้นเพียงแต่เห็นว่า จำเลยที่ 1 ทิ้งอุทธรณ์คำสั่งจึงส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งต่อไปมิได้มีคำสั่งเอง เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์คำสั่งแล้วก็เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยว่ามีการทิ้งอุทธรณ์คำสั่งหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 มิได้ทิ้งอุทธรณ์คำสั่งก็ย่อมวินิจฉัยต่อไปได้ว่า มีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมให้จำเลยที่ 1 หรือไม่ ฎีกาของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ”.