คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ได้ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนช. ต่อเทศบาลเมืองสุรินทร์โดยลูกหนี้ที่1ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนช. ไว้กับเจ้าหนี้ต่อมาห้างหุ้นส่วนช.ผิดสัญญาต่อเทศบาลเมืองสุรินทร์เจ้าหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไปเมื่อวันที่18กุมภาพันธ์2523จากนั้นเจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนช. กับลูกหนี้ที่1ให้ชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไปซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ห้างหุ้นส่วนช.ชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่เจ้าหนี้ได้จ่ายให้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ และให้ยกฟ้องสำหรับลูกหนี้ที่1แต่ไม่ตัดสิทธิเจ้าหนี้ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ภายในกำหนดอายุความเมื่อลูกหนี้ที่1ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเจ้าหนี้จึงยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่1ดังนี้ต้องถือว่าอายุความในส่วนที่เกี่ยวกับลูกหนี้ที่1ไม่เคยสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/17วรรคหนึ่งเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่4มีนาคม2534ซึ่งล่วงพ้นกำหนด10ปีนับแต่วันที่18กุมภาพันธ์2523ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์และเป็นวันที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องกับลูกหนี้ที่1ได้เป็นต้นไปสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงขาดอายุความต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา94(1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้(จำเลยทั้งสอง) เด็ดขาด เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2533เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเป็นเงิน85,336.98 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนแล้ว เห็นว่า ควรยกคำขอชำระหนี้ของเจ้าหนี้ เนื่องจากคดีขาดอายุความต้องห้ามมิให้รับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1)
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
เจ้าหนี้ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้จากการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เจ้าหนี้ได้ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนจำกัด ชนินทร์ก่อสร้างต่อเทศบาลเมืองสุรินทร์ในวงเงิน 33,500 บาท ในการนี้ลูกหนี้ที่ 1 ได้ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างไว้กับเจ้าหนี้ ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างผิดสัญญาต่อเทศบาลเมืองสุรินทร์เจ้าหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2523 จำนวน44,000 บาท จากนั้นเจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนชนินทร์ก่อสร้างกับลูกหนี้ทั้งสองให้ชำระหนี้เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไป ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างกับลูกหนี้ทั้งสองชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 828/2529 ของศาลชั้นต้น ซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาถึงที่สุดแก้เป็นว่า ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่เจ้าหนี้ได้จ่ายให้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไปจำนวน 44,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2523 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่เจ้าหนี้ และให้ยกฟ้องสำหรับลูกหนี้ทั้งสองแต่ไม่ตั้งสิทธิเจ้าหนี้ในอันที่จะนำจะนำคดีมาฟ้องใหม่ภายในกำหนดอายุความเมื่อลูกหนี้ทั้งสองถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดคดีนี้ เจ้าหนี้จึงยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2534 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ขาดอายุความอันต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 94(1) หรือไม่ เจ้าหนี้ฎีกาว่าเมื่อเจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างต่อศาลชั้นต้น อายุความที่จะเรียกร้องให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างชำระหนี้ย่อมสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(2)เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงต่อไปและเป็นโทษแก่ลูกหนี้ที่ 1 ในฐานะผู้ค้ำประกันด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 692 จึงต้องเริ่มนับอายุความถัดจากวันที่เจ้าหนี้ยื่นฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างในปี 2529 หรือเริ่มนับแต่เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุด คือวันที่ 23 กันยายน 2531 เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2534 จึงยังไม่พ้นกำหนด10 ปี พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่เจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างกับลูกหนี้ที่ 1 เป็นคดีแพ่งต่อศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องสำหรับลูกหนี้ที่ 1 ต้องถือว่าอายุความในส่วนที่เกี่ยวกับลูกหนี้ที่ 1 ไม่เคยสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 วรรคหนึ่ง เจ้าหนี้ยื่นคำรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2534 ซึ่งล่วงพ้นกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2523 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไป อันเป็นวันที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องกับลูกหนี้ที่ 1 ได้เป็นต้นไป สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงขาดอายุความต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1) กรณีไม่อาจนำข้อกฎหมายตามฎีกาของเจ้าหนี้มาปรับกับคดีนี้ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้วฎีกาของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share