คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาขายหลอดเครื่องรับส่งวิทยุให้โจทก์ สัญญาข้อ 7 มีว่าเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญานี้ ผู้ขายได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารมามอบไว้แก่ผู้ซื้อ ถ้าผู้ขายละเลยเสียไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาข้อหนึ่งข้อใดผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญา โดยเรียกร้องเอาจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันนี้เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ตามแต่จะเห็นสมควรได้ทันทีข้อ 8 นี้ว่า ถ้าผู้ขายไม่นำหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ขายตามสัญญามาส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อให้เป็นการถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนด ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นจำนวนเงินร้อยละห้าของราคาหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ยังไม่ได้ส่งโดยคิดเป็นรายเดือน จนกว่าผู้ขายจะได้นำสิ่งของมาส่งมอบให้ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญา กับให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียเมื่อใดก็ได้ในกรณีที่ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาให้สัญญานี้เป็นอันระงับไป ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิผู้ซื้อในอันที่จะริบเงินประกันตลอดจนค่าปรับตามสัญญา และสัญญาข้อ 9 มีว่านอกจากที่กล่าวมาแล้วในข้อ 8 ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆก็ตามจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ขายยอมรับผิดโดยสิ้นเชิง ดังนี้สัญญาทั้งสามข้อดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ต่างกัน คือข้อ 7 ใช้บังคับในกรณีที่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามสัญญาเลย โดยไม่รวมถึงกรณีที่จำเลยส่งของให้โจทก์ แต่ส่งให้ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญา ซึ่งอยู่ในบังคับตามสัญญาข้อ 8 และกรณีตามสัญญาข้อ 8 ยังให้สิทธิโจทก์บอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะริบเงินประกันและเรียกเอาค่าปรับหรือเบี้ยปรับตามสัญญาส่วนข้อ 9 ใช้บังคับในกรณีที่โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากสัญญาข้อ 7 และข้อ 8 ฉะนั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญามิได้ส่งมอบของให้แก่โจทก์เลย โจทก์ย่อมมีสิทธิริบเงินประกันดังที่กำหนดไว้ในข้อ 7 และเรียกค่าเสียหายตามข้อ 9 จะปรับจำเลยตามข้อ 8 มิได้(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2526)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายหลอดเครื่องรับส่งวิทยุให้โจทก์34 รายการเป็นเงิน 209,632.37 บาท โดยจะต้องส่งมอบให้โจทก์ภายใน 180 วันนับแต่วันทำสัญญา จำเลยไม่ส่งมอบหลอดเครื่องรับส่งวิทยุให้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญา ค่าปรับตามสัญญาข้อ 8 โจทก์ขอคิดถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2520 เป็นเงิน 451,385.83 บาท โจทก์ได้ซื้อหลอดเครื่องรับส่งวิทยุบางรายการจากบุคคลอื่นในราคาที่สูงกว่าราคาตามสัญญา บางรายการยังไม่ได้ซื้อแต่สืบราคาแล้วปรากฏว่ามีราคาสูงกว่าราคาตามสัญญา ซึ่งโจทก์จะต้องซื้อให้ครบต่อไป ทำให้โจทก์เสียเงินเพิ่มขึ้น 201,372.33 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 652,758.16 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ใช้สิทธิริบเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาโดยเรียกร้องจากธนาคารผู้ค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 แล้ว จะเรียกค่าปรับตามสัญญาข้อ 8 อีกไม่ได้

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 170,992.85 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 9 มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันโดยสัญญาข้อ 7 ใช้บังคับในกรณีที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาเลย สัญญาข้อ 8 ใช้บังคับในกรณีที่จำเลยส่งมอบของให้โจทก์ไม่ครบถ้วน หรือไม่ถูกต้องตามสัญญา ส่วนข้อ 9 ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยต้องรับผิด เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมิได้ส่งมอบของตามสัญญาให้โจทก์เลย โจทก์มีสิทธิริบเงินประกันตามสัญญาข้อ 7 แต่โจทก์จะปรับจำเลยตามสัญญาข้อ 8 ไม่ได้จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าปรับแก่โจทก์ จำเลยผิดสัญญาและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว โจทก์ได้จัดซื้อของบางรายการในราคาที่สูงกว่าราคาที่ตกลงซื้อจากจำเลยราคาของที่แพงขึ้นถือเป็นความเสียหายของโจทก์ที่จำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาข้อ 9 ที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้เป็นเงิน 80,850.93 บาท เป็นการสมควรแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระเงินจำนวน 80,850.93 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์

โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาข้อ 8 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่า สัญญาข้อ 7 มีข้อความว่าเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญานี้ ผู้ขายได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารที่ผู้ซื้อเชื่อถือได้มาค้ำประกันสัญญาร้อยละห้าของราคาหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ซื้อขายทั้งหมดเป็นเงิน 10,481.61 บาท มามอบไว้แก่ผู้ซื้อในวันทำสัญญานี้ และมีอายุค้ำประกันตลอดระยะเวลาที่ผู้ขายต้องรับผิดชอบอยู่ตามสัญญา หนังสือค้ำประกันนี้ผู้ซื้อจะคืนให้เมื่อผู้ขายได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาแล้ว ถ้าผู้ขายละเลยเสียไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาข้อหนึ่งข้อใดก็ตาม ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญา โดยเรียกร้องเอาจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันนี้เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ตามแต่จะเห็นสมควรได้ทันที โดยปราศจากเงื่อนไข

สัญญาข้อ 8 มีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่นำหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ขายตามสัญญานี้มาส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อให้เป็นการถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนดตามสัญญานี้ ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นจำนวนเงินร้อยละห้าของราคาหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ยังไม่ได้ส่ง โดยคิดเป็นรายเดือน จนกว่าผู้จายจะได้นำสิ่งของมาส่งมอบให้ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญากับให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียเมื่อใดก็ได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาให้สัญญานี้เป็นอันระงับไป ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิผู้ซื้อในอันที่จะริบเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาตลอดจนค่าปรับตามสัญญานี้ และผู้ขายไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าชดใช้ใด ๆ จากผู้ซื้อทั้งสิ้น การคำนวณค่าปรับตามสัญญาข้อนี้หากระยะเวลาในการคำนวณค่าปรับไม่ถึงหนึ่งเดือน ให้คิดค่าปรับเฉลี่ยตามส่วน

สัญญาข้อ 9 มีข้อความว่า นอกจากที่กล่าวมาแล้วในข้อ 8 ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อแล้วผู้ขายยอมรับผิดโดยสิ้นเชิง

สัญญาทั้งสามข้อดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ต่างกัน กล่าวคือ สัญญาข้อ 7ใช้บังคับในกรณีที่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามสัญญาเลย ทั้งนี้ไม่รวมถึงกรณีที่จำเลยส่งของให้โจทก์แต่ส่งให้ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญา ซึ่งอยู่ในบังคับตามสัญญาข้อ 8 และกรณีตามสัญญาข้อ 8 นี้เองยังให้สิทธิโจทก์บอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะริบเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาและเรียกเอาค่าปรับหรือเบี้ยปรับตามสัญญาที่ว่านี้ ส่วนสัญญาข้อ 9 ใช้บังคับในกรณีที่โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากสัญญาข้อ 7 และข้อ 8 เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญามิได้ส่งของให้แก่โจทก์เลย โจทก์ย่อมมีสิทธิริบเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาดังที่กำหนดไว้ตามสัญญาข้อ 7 และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยตามสัญญาข้อ 9 จะปรับจำเลยตามสัญญาข้อ 8 หาได้ไม่

พิพากษายืน

Share