คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การกระทำความผิดของจำเลยฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย และฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดนั้น ความผิดแต่ละฐานแยกออกต่างหากจากกันได้ชัดเจน ทั้งในแง่เจตนาในการกระทำ สภาพและลักษณะของการกระทำ เวลาที่การกระทำเป็นความผิดสำเร็จลงตลอดจนบทกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ต่างบทมาตรากัน ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 มาตรา 4, 25, 48, 49, 50, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 มาตรา 25 วรรคสาม, 48, 49 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย จำคุก 1 ปี ฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน เห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย และฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดนั้น ความผิดแต่ละฐานแยกออกต่างหากจากกันได้ชัดเจนทั้งในแง่เจตนาในการกระทำ สภาพและลักษณะของการกระทำ เวลาที่การกระทำเป็นความผิดสำเร็จลง ตลอดจนบทกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ต่างบทมาตรากัน ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยซื้อน้ำมันมาจากผู้อื่นเพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าโดยไม่อาจทราบได้ว่าน้ำมันที่รับมานั้นมีคุณภาพได้มาตรฐานที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ประกาศไว้หรือไม่ เนื่องจากไม่มีเครื่องมือที่จะใช้ตรวจสอบมาตรฐานของน้ำมัน เป็นทำนองว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องนั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้จำเลยจะฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้วมิได้ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษในสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่า ตามฎีกาของจำเลยซึ่งโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านปรากฏว่าจำเลยป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) ในขั้นร้ายแรง อยู่ในภาวะที่แพร่เชื้อทางผิวหนังได้ แพทย์มีความเห็นให้หลีกเลี่ยงชุมชนเพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อและรับเชื้อโรคลง ปรากฏตามใบแสดงความเห็นแพทย์แนบท้ายฎีกา เมื่อคำนึงถึงสุขภาพของจำเลยดังกล่าว อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดใดๆ มาก่อน กรณีมีเหตุอันควรปรานีรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำเห็นสมควรลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง โดยความผิดฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย ปรับ 50,000 บาท ฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ปรับ 30,000 บาท รวมปรับ 80,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 40,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share