คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเลยกรอกใบสมัครด้วยตนเองว่าจำเลยมียศร้อยโทยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด กับแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีหน้าที่สอบสวนคุณสมบัติให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกการสอบสวนว่าจำเลยมียศร้อยโท โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ ดังนี้ การกระทำของจำเลยแยกได้เป็น 2 ตอน คือจำเลยเอาใบสมัครมายื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตอนหนึ่ง กับเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดรับใบสมัครของจำเลยแล้วทำการสอบสวนปากคำจำเลยถึงเรื่องคุณสมบัติของจำเลยอีกตอนหนึ่ง การที่จำเลยเขียนใบสมัครว่ามียศร้อยโทมายื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้ว และการกระทำของจำเลยในตอนยื่นใบสมัครนี้เป็นคนละกรรมกับการกระทำในตอนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนคุณสมบัติของจำเลยแล้วจำเลยแจ้งว่ามียศร้อยโท อันเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการหาใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2517 เวลากลางวันจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระกันคือ

ก. จำเลยบังอาจใช้ยศร้อยโท (ร.ท.) ทหารบก แห่งกองทัพบกไทย โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าจำเลยมีสิทธิใช้ยศดังกล่าวได้

ข. จำเลยบังอาจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่นายบรรโลม ภุชงคกุลผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีหน้าที่รับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน โดยกรอกข้อความลงในใบสมัครของจำเลยว่า จำเลยมียศเป็นร้อยโท (ร.ท.) แห่งกองทัพบกไทย ยื่นต่อนายบรรโลม ภุชงคกุล ความจริงจำเลยไม่ได้รับพระราชทานยศดังกล่าว การกระทำของจำเลยอาจทำให้นายบรรโลม ภุชงคกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กองทัพบกไทย และผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

ค. จำเลยบังอาจแจ้งให้นายบรรโลม ภุชงคกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สอบสวนคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกการสอบสวนคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2517 อันเป็นเอกสารราชการสำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่าจำเลยคือร้อยโท (ร.ท.) สมาน ชมภูเทพ ความจริงจำเลยไม่ได้รับพระราชทานยศดังกล่าว การกระทำของจำเลยน่าจะเกิดความเสียหายแก่นายบรรโลม ภุชงคกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กองทัพบกไทยและผู้อื่นหรือประชาชน

และเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2517 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจใช้ครุยวิทยฐานะปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยสวมถ่ายรูปโดยไม่มีสิทธิ แล้วเอามาแสดงเป็นหลักฐานในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เพื่อให้เอาไปปิดประกาศให้ประชาชนทราบ การกระทำดังกล่าวเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าจำเลยมีสิทธิใช้ครุยปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิตของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 146, 267พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2495 มาตรา 49

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2495 มาตรา 49 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 146, 267 รวมโทษจำคุก 9 เดือน และปรับ 900 บาท คำรับของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษหนึ่งในสาม คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 600บาท แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี

โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ด้วย ฯลฯ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก1 เดือน รวมโทษจำเลยทุกกระทงความผิดเป็นจำคุก 10 เดือน และปรับ 600 บาท โดยไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยใช้ยศร้อยโทแห่งกองทัพบกไทยและใช้ครุยวิทยฐานะนิติศาสตร์บัณฑิตของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถ่ายรูปเพื่อนำมาเป็นหลักฐานสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูนโดยไม่มีสิทธิและในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูนจำเลยกรอกใบสมัครด้วยตนเองว่าจำเลยมียศร้อยโท ยื่นต่อนายบรรโลม ภุชงคกุลผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนกับแจ้งต่อนายบรรโลม ภุชงคกุล ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สอบสวนคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกการสอบสวนซึ่งเป็นเอกสารราชการว่าจำเลยมียศร้อยโท โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ

วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยแยกได้เป็น 2 ตอน คือจำเลยเอาใบสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมายื่นต่อนายบรรโลม ภุชงคกุลตอนหนึ่งกับเมื่อนายบรรโลม ภุชงคกุล รับใบสมัครของจำเลยแล้ว ทำการสอบสวนปากคำจำเลยถึงเรื่องคุณสมบัติของจำเลยอีกตอนหนึ่ง การที่จำเลยเขียนใบสมัครว่ามียศร้อยโทซึ่งเป็นความเท็จมายื่นต่อนายบรรโลม ภุชงคกุล นั้นเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้ว และการกระทำของจำเลยในตอนยื่นใบสมัครนี้เป็นคนละกรรมกับการกระทำในตอนที่นายบรรโลม ภุชงคกุลสอบสวนคุณสมบัติของจำเลย แล้วจำเลยแจ้งว่ามียศร้อยโท อันเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ หาใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวไม่ จำเลยจึงมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 อีกกระทงหนึ่ง

ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้

พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share