แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาสำนักงานของธนาคารโจทก์ปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์ด้วยการปล่อยสินเชื่อ เกินอำนาจมาเป็นเวลานาน โจทก์ทราบและได้ยอมรับเอาการกระทำของจำเลยเป็นของตนถึงแก่ได้ฟ้องร้องลูกหนี้ส่วนใหญ่ จนมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันบ้าง ศาลพิพากษาให้เต็มตามคำฟ้องบ้าง และโจทก์ได้ขอรับชำระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้บางคนถูกศาลพิพากษาล้มละลายบ้าง โดยหาได้ว่ากล่าวเอาความแก่จำเลยว่าปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับประการใดไม่ คงปล่อยให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่ต่อมาจนเกษียณอายุ การปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับดังกล่าวผู้จัดการสาขาสำนักงาน สาขาอื่น ก็กระทำโดยทั่วไป ผู้รับตำแหน่งสืบต่อจากจำเลยก็กระทำการเช่นจำเลยโจทก์มิได้ห้ามทักท้วง กลับถือเอาประโยชน์ตลอดมาจึงถือว่าเป็นระเบียบปฏิบัติปกตินิยมภายในของโจทก์อยู่ด้วยส่วนหนึ่งมีผลเท่ากับโจทก์ยินยอม สมัครใจ และเต็มใจยอมรับผลเสียหายอันอาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ในอนาคต ภายหลังที่จำเลยและผู้จัดการสาขาสำนักงานอื่นไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ โจทก์หาได้ถือเป็นข้อสำคัญและถือเป็นความผิดอีกต่อไปไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดและผิดสัญญาตัวแทน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ สาขาฉะเชิงเทราเป็นสาขาสำนักงานหนึ่งของโจทก์ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๔ จำเลยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการธนาคารโจทก์สาขา ฉะเชิงเทรา โจทก์ได้มอบอำนาจให้จำเลยพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อแก่ลูกค้ารวมเป็นวงเงินรายละไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้อยู่ภายใต้ระเบียบงานและเงื่อนไขที่กำหนด ในระหว่างที่จำเลยดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายทำให้โจทก์เสียหาย โดยจำเลยได้อนุมัติสินเชื่อเกินอำนาจที่ได้รับมอบหมาย และผิดเงื่อนไขหลายครั้งเป็นระยะเวลานาน จำนวน ๒๔ ราย คิดเป็นเงิน ๙,๒๗๕,๓๒๐.๘๒ บาท ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ คำสั่งและประเพณีการค้าของธนาคารซึ่งต้องมีการแข่งขันด้านบริการแก่ลูกค้าให้ดีที่สุด การที่จำเลยให้ลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชี และรับซื้อตั๋วเงินผิดระเบียบไปบ้างก็เพื่อช่วงชิงลูกค้า เป็นการกระทำตามปกติประเพณีทางการค้าของธนาคารโจทก์โดยทั่วไปซึ่งกระทำกันทุกสาขาสำนักงาน โจทก์เองก็ทราบดี แต่ก็มิได้ทักท้วง ทั้งเมื่อจำเลยออกจากงานได้มอบหมายงานให้ผู้จัดการสาขาสำนักงานคนใหม่ จำเลยก็ไม่เคยได้รับการทักท้วงหรือโต้แย้งว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบก่อให้เกิดความเสียหาย และจำเลยปฏิเสธความรับผิดเกี่ยวกับลูกหนี้ธนาคารโจทก์สาขาสำนักงานฉะเชิงเทราจำนวน ๒๔ ราย ที่โจทก์อ้างถึงความเสียหายขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยได้ปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์มาช้านานให้สินเชื่อเกินอำนาจและผิดเงื่อนไข รวม ๒๔ ราย ซึ่งหนี้แต่ละรายรวม ๒๔ รายที่ฟ้องเป็นคดีนี้ โจทก์ทราบแต่มิได้ทักท้วง และรับเอาประโยชน์จากลูกหนี้ทั้งยี่สิบสี่รายตลอดมา นอกจากนี้ยังมีหนี้รายอื่นๆ ที่จำเลยปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับ หากแต่ยังไม่มีความเสียหาย โจทก์จึงยังมิได้ฟ้อง ข้อเท็จจริงที่ได้ความมานั้น ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ยินยอม และให้สัตยาบันแก่การกระทำของจำเลยแล้ว การปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับที่จำเลยกระทำไปแล้วหาเป็นการละเมิดและผิดสัญญาตัวแทนไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การยินยอมนั้นจักต้องยินยอมก่อนมีการละเมิด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๒๓ วรรคแรกนั้นใช้บังคับแก่กรณีความรับผิดของตัวการและตัวแทนต่อบุคคลภายนอกกล่าวคือ หากตัวแทนกระทำการโดยปราศจากอำนาจ หรือทำนอกเหนือขอบอำนาจ การนั้นย่อมไม่ผูกพันตัวการ แต่ถ้าตัวการให้สัตยาบันแก่การนั้น การนั้นย่อมผูกพันตัวการและบุคคลภายนอก หากมีกรณีพิพาทเกิดขึ้น ตัวการหรือบุคคลภายนอกย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะปฏิเสธการนั้นซึ่งได้รับสัตยาบันแล้วหาได้ไม่ ซึ่งคดีนี้โจทก์ก็ยอมรับเอาการกระทำของจำเลยเป็นของตนถึงแก่ได้ฟ้องร้องลูกหนี้ส่วนใหญ่ จนมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันบ้างศาลพิพากษาให้เต็มตามคำฟ้องบ้างและโจทก์ได้ขอรับชำระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้บางคนถูกศาลพิพากษาล้มละลายบ้าง ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ให้สัตยาบันแก่การกระทำของจำเลย ก็นับว่าถูกต้องอยู่ส่วนหนึ่ง แต่จะนำการให้สัตยาบันมาปรับแก่คดีระหว่างโจทก์และจำเลยหาตรงต่อรูปเรื่องเสียทีเดียวไม่ แต่ถึงแม้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อกฎหมายสองข้อดังกล่าวคลาดเคลื่อนไปก็ตาม โดยข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมา ศาลฎีกาก็ยังเห็นว่า จำเลยมิได้กระทำละเมิดและผิดสัญญาตัวแทนอยู่นั่นเอง เพราะการปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับเช่นว่านั้นผู้จัดการสาขาสำนักงานสาขาอื่นกระทำโดยทั่วไปแทบทุกสาขาสำนักงาน แม้นายเผดิม กาญจนวัฒน์ ผู้รับตำแหน่งสืบต่อจากจำเลยก็กระทำการเช่นจำเลยดุจกันการปฏิบัติการเช่นจำเลยนายเผดิม กาญจนวัฒน์ และผู้จัดการสาขาสำนักงานแทบทุกสาขาสำนักงานโจทก์มิได้ห้ามปรามทักท้วง กลับถือเอาประโยชน์ตลอดมาจึงถือว่าเป็นระเบียบปฏิบัติปกตินิยมภายในของโจทก์อยู่ด้วยส่วนหนึ่ง มีผลเท่ากับโจทก์ยินยอม สมัครใจ และเต็มใจยอมรับผลเสียหายอันอาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ในอนาคตภายหลังที่จำเลยและผู้จัดการสาขาสำนักงานอื่นได้กระทำการไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอันเป็นหลักทั่วไป โจทก์หาได้ถือเป็นข้อสำคัญและถือเป็นความผิดอีกต่อไปไม่ ซึ่งโจทก์ย่อมทราบการกระทำของจำเลยเป็นอย่างดี แต่ก็หาได้ว่ากล่าวเอาความแก่จำเลยว่าจำเลยปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับประการใดไม่ คงปล่อยให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่ต่อมาจนเกษียณอายุเมื่อวันที่ ๑ มกราคม๒๕๒๔ หลังจากนั้นจำเลยยังจ้างโจทก์เป็นที่ปรึกษาต่ออีกถึงหนึ่งปี ถ้าจำเลยปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับจริง จงใจหรือประมาทเลินเล่อ หรือผิดสัญญาตัวแทนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เป็นจำนวนถึงเก้าล้านเจ็ดแสนบาทเศษ ก็หาควรที่โจทก์จะจ้างจำเลยผู้มีประสิทธิภาพย่อหย่อน ปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับอยู่เป็นเนืองนิจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ไม่ การที่จำเลยจ้างโจทก์ทำงานต่อหลังจากเกษียณอายุเป็นข้อที่สอดส่องให้เห็นว่าจำเลยมีประสิทธิภาพสูง ทำงานให้จำเลยสำเร็จลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตสมแก่การปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีเป็นประโยชน์แก่การงานเป็นที่สุดแล้ว มิได้มีความผิดหรือมีมลทินมัวหมองประการใด
พิพากษายืน.