คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติทนายความฯ มาตรา 33 บัญญัติใจความว่า ผู้เรียงหรือแต่งฟ้องอุทธรณ์จะต้องเป็นการกระทำของทนายความที่ได้รับอนุญาต หรือของตัวความเองเป็นการเฉพาะตัว ไม่อาจตั้งตัวแทนหรือไม่อาจอนุญาตให้ผู้ใดผู้หนึ่งช่วยเหลือได้เมื่อคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยลงลายมือชื่อผู้เรียงโดย ธ. ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ อีกทั้งไม่ได้เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้นโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความหรือกฎหมายอื่นคำฟ้องอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215 ประกอบด้วยมาตรา 158(7)ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของจำเลยโดยไม่อาจจะสั่งให้แก้ไขประการใดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215 ประกอบด้วย 161 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,357, 83

จำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก, 83 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า บุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความและไม่ใช่บุคคลซึ่งได้รับยกเว้นให้เรียงหรือแต่งฟ้องให้จำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้เรียงอุทธรณ์ด้วยความยินยอมของจำเลยในฐานะผู้ช่วยเหลือจำเลยกระทำการแทนจำเลยได้หรือไม่ คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้ลงลายมือชื่อผู้เรียงโดยนายธานี กมลชิโนซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทนายความอีกทั้งไม่ได้เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้น กล่าวคือไม่ได้กระทำในฐานะข้าราชการผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่ หรือมีอำนาจหน้าที่กระทำได้โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความหรือกฎหมายอื่น ซึ่งจำเลยยกขึ้นฎีกาว่านายธานีได้กระทำในฐานะผู้ช่วยจำเลย เสมือนหนึ่งจำเลยเรียงคำฟ้องอุทธรณ์เอง คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ขัดต่อกฎหมาย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบนั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 33 บัญญัติไว้ใจความว่าผู้เรียง หรือแต่งฟ้องอุทธรณ์ จะต้องเป็นการกระทำของทนายความที่ได้รับอนุญาตหรือของตัวความเองอันเป็นการเฉพาะตัว ไม่อาจตั้งตัวแทนหรือไม่อาจอนุญาตให้ผู้ใดผู้หนึ่งช่วยเหลือได้ คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215ประกอบด้วย มาตรา 158(7) ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของจำเลยโดยไม่อาจจะสั่งให้แก้ไขประการใดได้ ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215 ประกอบด้วยมาตรา 161 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ส่วนฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องให้ลงโทษจำเลยสถานเบา และรอการลงโทษให้จำเลยหรือขอให้ศาลฎีกาพิจารณาเรื่องนี้เองนั้น เห็นว่า เรื่องลงโทษจำเลยสถานเบาหรือรอการลงโทษจำเลยนั้นยังไม่ได้รับการพิจารณาจากศาลอุทธรณ์ภาค 9 จำเลยจึงไม่มีอำนาจที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งในข้อดังกล่าวต่อศาลฎีกาได้ อันเป็นการต้องห้ามหรือไม่ต้องด้วยองค์ประกอบแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่ง แม้ศาลชั้นต้นจะได้สั่งรับฎีกาของจำเลยข้อนี้มา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้”

พิพากษายืน

Share