แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2529 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2528 ตามข้อต่อสู้ของจำเลย ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ยกฟ้อง ศาลจะต้องพิจารณาต่อไปว่าการเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2528 เป็นเพราะโจทก์ได้กระทำความผิดดังข้อต่อสู้ของจำเลยอันจะทำให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ ตามประเด็นที่ศาลได้ตั้งไว้แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ต่อมาวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๒๙ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด และไม่บอกกล่าวล่วงหน้า นอกจากนี้จำเลยยังค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์เดือนธันวาคม ๒๕๒๘ ด้วย ตามระเบียบของจำเลย โจทก์มีสิทธิได้รับโบนัสอีก ๑ เดือน เพราะทำงานมาครบ ๑ ปีแล้ว ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างค้างจ่ายและเงินโบนัสแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ที่ว่าจำเลยเลิกจ้างเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๒๙ นั้นเป็นความเท็จ ความจริงโจทก์ขาดงานตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ จนถึงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๘ จำเลยจึงมีคำสั่งไล่โจทก์ออก เพราะโจทก์จงใจขัดคำสั่งและละทิ้งหน้าที่การงาน โจทก์ยังมีพฤติการณ์ลักลอบเอาบัตรลงเวลาไปลงเวลาโดยมิได้มาทำงานจริงอันเป็นการทุจริตและฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน การที่จำเลยไล่โจทก์ออกจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและเงินอื่น ๆ ที่โจทก์ฟ้อง ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๒๙ ตามฟ้อง จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แต่จำเลยค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์ ๖ วัน เป็นเงิน ๗๒๐ บาท ส่วนโบนัสเป็นสิทธิที่จำเลยจะจ่ายให้ตามที่เห็นสมควร ไม่มีระเบียบว่าจำเลยต้องจ่าย พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้าง ๗๒๐ บาทแก่โจทก์ คำขอนอกนั้นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า แม้โจทก์จะกล่าวอ้างในคำฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๒๙ แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๘ ตามข้อต่อสู้ของจำเลยก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจิงต่างกับฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ยกฟ้องเสียทีเดียว เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๘ นั้น เป็นเพราะโจทก์ได้กระทำผิดดังข้อต่อสู้ของจำเลยตามที่ศาลแรงงานกลางตั้งประเด็นไว้แล้วตามข้อสองถึงข้อห้า อันจะทำให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประเด็นข้อหกหรือไม่ การที่ศาลแรงงานกลางไม่ได้วินิจฉัยถึงเหตุเลิกจ้างจึงเป็นการไม่ชอบ เห็นสมควรที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเฉพาะในเรื่องค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า โดยให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยในปัญหาที่ว่ามีเหตุที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่แล้วพิพากษาใหม่ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง