คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2743/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเรื่องคดีโจทก์ขาดอายุความไว้ และโจทก์ก็มิได้โต้แย้งคัดค้านนั้นปัญหาที่ว่าคำให้การจำเลยในเรื่องอายุความได้แสดงเหตุผลไว้โดยชัดแจ้งหรือไม่จึงไม่มีประเด็นในชั้นศาลอุทธรณ์ ทั้งปัญหานี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษายกอุทธรณ์จำเลยจึงไม่ชอบ คดียังคงมีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยต่อไปในเรื่องอายุความ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไปได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา
การที่จำเลยต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยและจำเลยครอบครองแทนเกินกว่า 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้วนั้น เห็นได้ว่าจำเลยหรือมารดาจำเลยย่อมจะครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของตนเองไม่ได้ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินที่โจทก์ยอมให้จำเลยปลูกเรือนไม้เพื่ออยู่อาศัย ต่อมาโจทก์ประสงค์จะใช้ที่ดินแปลงนี้ทำประโยชน์อย่างอื่นจึงบอกให้จำเลยรื้อถอนเรือนออกไป จำเลยยังดื้อดึงอยู่อาศัยเรื่อยมาขอศาลบังคับให้จำเลยรื้อถอนเรือนออกไปให้พ้นเขตที่ดินโจทก์และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป

จำเลยให้การว่า บ้านที่โจทก์ฟ้องเป็นของมารดาจำเลย ปลูกอยู่ในที่ดินมารดาจำเลยเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยได้อาศัยครอบครองโดยสุจริตเปิดเผยมีเจตนาเป็นเจ้าของแทนมารดาจำเลยมาโดยตลอด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินของโจทก์ คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกจากที่ดินโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องในที่ดิน

จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยให้การแต่เพียงว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว มิได้แสดงเหตุผลโดยชัดแจ้งว่าขาดอายุความเพราะเหตุใดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 จึงไม่มีประเด็นแม้ศาลชั้นต้นจะรับวินิจฉัยก็ถือว่าเป็นปัญหาที่ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แล้วว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด และศาลชั้นต้นก็รับวินิจฉัยให้แล้ว ปัญหาที่ว่าคำให้การของจำเลยในเรื่องอายุความได้แสดงเหตุผลไว้โดยชัดแจ้งชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 หรือไม่ จึงไม่มีประเด็นขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ทั้งปัญหาข้อนี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกขึ้นเองแล้วพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา จึงยังมีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาเห็นสมควรจะได้วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ไปทีเดียว โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนคืนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่

คดีนี้จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินเป็นของมารดาจำเลย จำเลยครอบครองแทนมารดาตลอดมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ซึ่งคงหมายถึงว่า มารดาจำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิมาฟ้อง เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยและจำเลยครอบครองแทนเช่นนี้ จำเลยหรือมารดาจำเลยย่อมจะครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของตนเองไม่ได้ กรณีไม่ใช่เรื่องขาดอายุความ

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share