แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีก่อนเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้แล้วเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง จึงเท่ากับความผิดในคดีนี้ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ลงโทษกักขังจำเลย มิได้พิพากษาให้ลงโทษจำคุก กรณีจึงไม่อาจนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43(8), 160 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 58ริบของกลาง และบวกโทษที่ศาลชั้นต้นรอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8), 160 วรรคสาม จำคุก 3 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก1 เดือน 15 วัน บวกโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3289/2542ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกคดีนี้รวมเป็นจำคุก 2 เดือน 30 วันให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยสำหรับความผิดในคดีนี้มีกำหนด 1 เดือน 15 วันและให้นำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3289/2542ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ รวมจำคุก 2 เดือน30 วัน แล้วเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนนั้น จึงเท่ากับความผิดในคดีนี้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ลงโทษกักขังจำเลย มิได้พิพากษาให้ลงโทษจำคุก กรณีจึงไม่อาจนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็เห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 3 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ไม่บวกโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3289/2542 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษในคดีนี้นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2