แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 4 ว่าจ้างจำเลยที่ 1, 2, 3 ให้นำรถยนต์เข้าไปบรรทุกไม้ยางของกลางที่ป่า ขณะจำเลยที่ 1, 2, 3 กำลังใช้รถยนต์นำไม้ของกลางจะออกจากป่าก็ถูกเจ้าพนักงานจับกุม โดยจำเลยที่ 1, 2, 3 ทราบอยู่แล้วว่าไม้ของกลางยังไม่ได้ตีตราค่าภาคหลวง เป็นไม้ที่ไม้ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ แม้จำเลยที่ 4 แต่ผู้เดียวมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยที่ 1, 2, 3 รู้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายก็ยังขืนรับจ้างขนไม้ของกลางนั้น เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 4 ในการกระทำความผิดฐานมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1, 2, 3 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๕ ได้ร่วมกันทำไม้โดยตัดฟัน โค่นทำอันตรายไม้ยาง ๑ ต้น ปริมาตร เนื้อไม้ ๖.๘๓ ลูกบาศก์เมตร อันเป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายในป่า แล้วยังได้ร่วมกันใช้รถยนต์บรรทุกไม้ดังกล่าวออกจากป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหรือได้รับสัมปทานตามกฎหมาย และได้ร่วมกันครอบครองไม้ยางดังกล่าวโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ ๑, ๒, ๓ ได้พร้อมด้วยไม้ยาง ๑ ต้น และรถยนต์บรรทุก ๑ คัน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗, ๑๑, ๖๙, ๗๓, ๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๖ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๒, ๑๗, ๑๘, ๗๔ ทวิ และริบของกลาง
จำเลยทั้ง ๕ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑, ๒, ๓, ๔ มีควมผิดฐานร่วมกันมีไม้ยางของกลางไว้ในครอบครองซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗, ๖๙, ๗๔, ๗๔ ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๒, ๑๘ จำคุกคนละ ๖ เดือน ข้อนำสืบรับของจำเลยทั้ง ๔ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ ลดโทษให้คนละ ๑ ใน ๓ คงจำคุกคนละ ๔ เดือน ข้อหาอื่นให้ยก เฉพาะจำเลยที่ ๕ ให้ยกฟ้อง ไม้และรถยนต์บรรทุกของกลางให้ริบ
จำเลยที่ ๑, ๒, ๓, ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑, ๒, ๓ นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑, ๒, ๓
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๔ ได้ว่าจ้างจำเลยที่ ๑, ๒, ๓ ให้นำรถยนต์เข้าไปบรรทุกไม้ยางของกลางที่ป่าใกล้สนามฝึกยิงปืนของจังหวัดทหารบกอุดรธานี ในคืนเกิดเหตุขณะที่จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ กำลังใช้รถยนต์นำไม้ของกลางจะออกจากป่า ก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำการจับกุม ทั้งนี้ โดยจำเลยทั้ง ๓ ทราบอยู่แล้วว่าไม้ของกลางยังไม่ได้ตีตราค่าภาคหลวงเป็นไม้ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ฟังได้ความเป็นยุติดังกล่าวจำเลยที่ ๔ แต่ผู้เดียวมีไม้ของกลางไว้ในครอบครอง อันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่อย่างไรก็ดี การที่จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ รู้ว่าไม้ยางของกลางยังไม่มีใบอนุญาต หรือรอยตราค่าภาคหลวง เป็นไม้ผิดกฎหมาย จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ ก็ยังขืนรับจ้างจำเลยที่ ๔ ในการขนไม้ยางของกลางนั้นเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ ๔ ในการกระทำความผิดฐานมีไม้ยางของกลางไว้ในครอบครองโดยผิดกฎฆมาย จำเลยทั้ง ๓ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗, ๖๙, ๗๔, ๗๔ ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๒, ๑๘ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ ให้วางโทษ ๒ ใน ๓ คงจำคุกจำเลยคนละ ๒ เดือน ๒๐ วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์