คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2734/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มูลหนี้ตามที่จำเลยรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์เป็นหนี้อันเกิดจากจำเลยรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินส่วนหนึ่ง และเป็นหนี้ซึ่งเกิดจากจำเลยขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินแก่โจทก์อีกส่วนหนึ่ง ดังนั้น การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้จึงมีผลทำให้เริ่มนับอายุความใหม่ตามมูลหนี้เดิม
อายุความที่ผู้ทรงจะฟ้องผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่ตั๋วนั้นถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 ประกอบด้วย มาตรา 940 ส่วนอายุความที่ผู้ซื้อจะฟ้องผู้ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงิน ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องบังคับตามมาตรา 164 คือมีกำหนด 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้แก่โจทก์โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาได้มีการหักทอนบัญชีแล้วจำเลยที่ ๑ เป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงินห้าล้านบาทเศษ จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันชำระแก่โจทก์ และจำเลยที่ ๑ ยังได้เป็นหนี้โจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้อีกเป็นเงิน ๑,๗๗๑,๐๐๐ บาท รวมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๒,๒๗๕,๖๓๐ บาท ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีปฏิเสธความรับผิดหลายประการ และจำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้คดีด้วยว่า สิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินมีอายุความ ๓ ปี โจทก์ฟ้องตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงมีอายุความ ๓ ปี คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้รวมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์เป็นเงิน ๒,๒๗๕,๖๓๐ บาท ด้วย
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มูลหนี้ตามที่จำเลยที่ ๑ รับสภาพหนี้ตามเอกสารหมาย จ.๑๑๙ จึงเป็นหนี้อันเกิดจากจำเลยที่ ๑ รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินส่วนหนึ่งเป็นเงิน ๑,๒๗๒,๐๐๐ บาท ด้วย
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มูลหนี้ตามที่จำเลยที่ ๑ รับสภาพหนี้ ตามเอกสารหมาย จ.๑๑๙ จึงเป็นหนี้อันเกิดจากจำเลยที่ ๑ รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินส่วนหนึ่งเป็นเงิน ๑,๒๗๒,๐๐๐ บาท และเป็นหนี้ซึ่งเกิดจากจำเลยที่ ๑ ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินแก่โจทก์อีกส่วนหนึ่งเป็นเงิน ๔๓๙,๐๐๐ บาท การที่จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามเอกสารหมาย จ.๑๑๙ มีผลให้เริ่มนับอายุความใหม่ตามมูลหนี้เดิม อายุความที่ผู้ทรงจะฟ้องผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด ๓ ปีนับแต่วันที่ตั๋วนั้นถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๑ ประกอบด้วยมาตรา ๙๔๐ ส่วนอายุความที่ผู้ซื้อจะฟ้องผู้ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องบังคับตามมาตรา ๑๖๔ คือมีกำหนดอายุความ ๑๐ ปี จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือรับสภาพหนี้เอกสารหมาย จ.๑๑๙ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๓ เกินกว่า ๓ ปี แต่ยังไม่เกิน ๑๐ ปี หนี้อันเกิดจากจำเลยที่ ๑ รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินขาดอายุความแล้ว โจทก์จะเรียกร้องจากจำเลยที่ ๑ มิได้ แต่หนี้อันเกิดจากจำเลยที่ ๑ ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินยังไม่ขาดอายุความ จำเลยที่ ๑ ต้องชำระหนี้ในมูลหนี้หลังนี้จำนวน ๔๓๙,๐๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินในมูลหนี้ที่รับสภาพหนี้เป็นเงิน๕๘๓,๘๗๐ บาทแก่โจทก์

Share