คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2733/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ทรัพย์มรดกของผู้ตายตกได้แก่พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตาย ซึ่งรวมถึง ล. ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 (3) เมื่อ ล. ถึงแก่กรรมภายหลังโดยยังไม่ได้รับส่วนแบ่งทรัพย์มรดกส่วนที่ ล. จะได้รับก็ตกแก่ ป. ผู้สืบสันดาน แต่ปรากฏว่า ป. ถึงแก่กรรมไปก่อน ล. แล้ว ทรัพย์มรดกส่วนที่ ป. จะได้รับก็ตกแก่ผู้ร้องและ ฉ. ผู้สืบสันดานซึ่งเป็นผู้รับมรดกแทนที่ ป. ตามมาตรา 1639 ผู้ร้องจึงมีส่วนได้เสียในกองมรดกและเมื่อมีเหตุขัดข้องในการจัดการทรัพย์มรดก ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามมาตรา 1713 (2)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า สมควรแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่ เห็นว่า ผู้ตายไม่มีบุตรและภริยาบิดามารดาของผู้ตายก็ถึงแก่กรรมไปหมดแล้ว ทรัพย์มรดกของผู้ตายจึงตกได้แก่พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตาย ซึ่งรวมถึงนางหลงด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 (3) เมื่อนางหลงถึงแก่กรรมโดยยังมิได้รับส่วนแบ่งมรดก ดังนั้น ทรัพย์มรดกส่วนที่นางหลงจะได้รับก็ตกแก่นายประกอบผู้สืบสันดาน แต่ปรากฏว่านายประกอบถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว ทรัพย์มรดกส่วนที่นายประกอบจะได้รับก็ตกแก่ผู้ร้องและนายฉอ้อนผู้สืบสันดานซึ่งเป็นผู้รับมรดกแทนที่นายประกอบตามมาตรา 1639 ผู้ร้องจึงมีส่วนได้เสียในกองมรดก และเมื่อมีเหตุขัดข้องในการจัดการทรัพย์มรดก ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามมาตรา 1713 (2) ผู้ร้องและนายฉอ้อนมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายเช่นเดียวกับนายเพ็ชรและนางปีพี่ของนายประกอบ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าบุคคลทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอจัดการมรดกของผู้ตายหรือยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดีนี้ ทั้ง ๆ ที่ผู้ตายถึงแก่กรรมไปก่อนยื่นคำร้องขอถึง 15 ปี ประกอบกับนายฉอ้อนผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นน้องของผู้ร้องก็มิได้ยื่นคำคัดค้าน ผู้ร้องจึงสมควรเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้และศาลมีอำนาจแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1711”
พิพากษากลับ ให้แต่งตั้งนายแดงผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายชื่นผู้วายชนม์ให้ผู้ร้องมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย

Share