แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พยานเอกสารของจำเลยแม้เป็นเพียงภาพถ่าย แต่ตรงกับเอกสารที่ส่งมาตามหนังสือของสำนักงานที่ดินตามที่จำเลยขอให้ศาลมีคำสั่งเรียก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับรองสำเนาถูกต้องแล้วและแม้จำเลยมิได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันก็ตาม แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นบุตรของนายจุ่นและนางปลิกแตงเพ็ง ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 61 ไร่ ที่ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท โดยมารดายกให้ด้วยวาจาและทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกให้โจทก์ จำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินเป็นของจำเลยและนายประจวบร่วมกันตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 547 ตำบลล้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ทับที่ดินของโจทก์ไปเป็นเนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน 86 ตารางวา ขอให้เพิกถอนน.ส.3 ก. ดังกล่าว และพิพากษาว่าโจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้มีสิทธิครอบครองหรือเป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้อง กับห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์
ระหว่างการพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เรียกนายประจวบเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามที่โจทก์ขอ
จำเลยและจำเลยร่วมให้การว่า นางปลิกไม่เคยยกที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์เมื่อปี 2493 นางปลิกได้ยกที่ดินตามฟ้องให้แก่จำเลยจำเลยครอบครองตลอดมา การออก น.ส.3 ก. ได้กระทำโดยชอบ พินัยกรรมตามฟ้องเป็นพินัยกรรมปลอม คดีโจทก์ขาดอายุความเมื่อปี 2519 จำเลยได้แบ่งที่ดินตามฟ้องให้โจทก์เนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ ที่ดินส่วนที่เหลือเป็นของจำเลยและจำเลยร่วม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ที่โจทก์นำสืบว่านางปลิกยกที่ดินให้โจทก์เข้าครอบครองทำกิน ไม่น่าเชื่อ และวินิจฉัยว่าปรากฏตามแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์เพื่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวในเอกสารหมาย ล.1ว่า โจทก์ได้รับรองแนวเขตในฐานะเจ้าของที่ดินข้างเคียง แม้เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงภาพถ่ายแต่เอกสารนี้ก็ตรงกับเอกสารที่ส่งมาตามหนังสือของสำนักงานที่ดินอำเภอหันคาที่ ชน 0602/878 ลงวันที่ 22ตุลาคม 2527 ตามที่จำเลยขอให้ศาลมีคำสั่งเรียก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับรองสำเนาถูกต้องแล้ว และแม้จำเลยมิได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันก็ตาม แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ เชื่อได้ว่าจำเลยและจำเลยร่วมเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์ไม่อาจขอให้บังคับคดีได้ตามฟ้อง
พิพากษายืน.