คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273-275/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด หาว่าจำเลยนำข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ แต่ก่อนฟ้องคดีแพ่ง โจทก์ได้ฟ้องจำเลยในคดีอาญา หาว่าจำเลยโฆษณาหมิ่นประมาทในข้อความอย่างเดียวกัน และขอให้จำเลยพิสูจน์ความจริงด้วย ดังนี้ เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 46 เมื่อคดีอาญาฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้โฆษณาไปตามความเป็นจริง โดยสุจริต จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดในทางแพ่ง.

ย่อยาว

คดี ๓ สำนวนนี้ ศาลพิจารณาและพิพากษารวมกัน ได้ความว่า จำเลยที่ ๒, ๓ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ ๑ ได้นำข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทต่อบริษัทโจทก์ไปลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยจีนรายวัน เป็นการละเมิดต่อบริษัทโจทก์โดยผิดกฎหมายและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โดยมีเจตนาจะทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทโจทก์ ทำให้บริษัทโจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณตลอดจนทางทำมาหาได้และทางเจริญของบริษัทโจทก์ จึงฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ข้อความที่ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์นั้น ไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ จำเลยมิได้กล่าวฝืนความจริง
ศาลแพ่งฟังว่า จำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทั้ง ๓ ร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ และโฆษณาข้อความลงในหนังสือพิมพ์รายวัน
โจทก์ฎีกา ขอค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง
จำเลยฎีกา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์จริง แต่ข้อความที่จะฝ่าฝืนความจริงหรือไม่นั้น จำเลยยืนยันว่า ต้องฟังข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญา ซึ่งก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้นำข้อความอย่างเดียวกันไปฟ้องจำเลยหาว่าหมิ่นประมาท โจทก์ต่อศาลอาญา ขอให้จำเลยพิสูจน์ความจริงด้วย ในคดีอาญา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้โฆษณาไปตามความจริงโดยสุจริต เพื่อป้องกันผลประโยชน์เกี่ยวกับการค้าของฝ่ายจำเลย คดี ๓ สำนวนนี้ เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อข้อเท็จจริงในคดีอาญาฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้โฆษณาเป็นความจริง จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share