คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเท่าซึ่งสวมรองเท้าเงื้อจะถีบผู้เสียหาย แต่ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าถ้าจำเลยกระทำไปโดยตลอดแล้วจะเกิดผลอย่างไร ผลธรรมดาอันจะเกิดขึ้นเพราะการถีบจะทำให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือไม่ ไม่อาจเล็งเห็นได้ หากจำเลยกระทำไปโดยตลอดแล้วผลที่เกิดไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจแล้ว ความผิดนั้นก็เป็นเพียงลหุโทษ ผู้พยายามกระทำความผิดลหุโทษไม่ต้องรับโทษ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยพยายามกระทำให้ผู้เสียหายเกิดอันตรายแก่กายแล้ว ก็ลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้
การใช้เท้าเงื้อจะถีบไม่เป็นอันตรายต่อจิตใจเพราะอันตรายต่อจิตใจนั้น ต้องเป็นผลจากการทำร้าย แต่ความรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม เจ็บใจ แค้นใจ เหล่านี้เป็นอารมย์ หาใช่เป็นอันตรายต่อจิตใจไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจทำร้ายนางเพี้ยน พักตร์เจียม โดยยกเท่าซึ่งสวมรองเท่าเงื้อจะถีบ แต่จำเลยกระทำไปไม่ตลอดเนื่องจากนางเพี้ยนเอี้ยวตัวหมอบกับพื้นที่นั่ง และประกอบกับมีผู้เข้าขวางหน้าจำเลยและผลักจำเลยออกไปเสียก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕,๘๐
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทงผิดจริงดังโจทก์ฟ้อง โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ความผิดของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๙๑ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษเท่านั้น แต่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๐๕ บัญญัติไม่เอาโทษแก่ผู้พยายามกระทำผิดลหุโทษการกระทำของจำเลยจึงลงโทษไม่ได้ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่า ถ้าจำเลยกระทำไปโดยตลอดแล้วจะเกิดผลอย่างไร เพียงแต่บรรยายการกระทำของจะเลยว่ายกเท้าซึ่งสวมรองเท้าเงื้อจะถีบ ผลธรรมดาอันจะเกิดขึ้นเพราะการถีบจะทำให้ถึงเกิดอันตรายแก่กายหรือไม่อาจเล็งเห็นได้ เพราะรองเท้าที่ใช้สวมก็ไม่ปรากฏว่าเป็นรองเท้าหนังสือยางหรือมีลักษณะอันใดที่สามารถกระทำให้ร่างการแตกหักยุบสลายได้ หากจำเลยกระทำไปโดยตลอด ผลที่เกิดเสียงทำร้ายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจแล้ว ความผิดนั้นก็เป็นเพียงลหุโทษ ผู้พยายามกระทำความผิดลหุโทษไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๐๕ เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยพยายามกระทำให้ผู้เสียหายเกิดอันตรายแก่กายแล้ว ก็ลงโทษตามฟ้องไม่ได้
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ถ้าจำเลยถีบถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายอาจล้มลงแล้วเกิดอันตรายต่อกาย จำเลยก็ต้องรับผิดด้วยนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์สมมุติขึ้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ และข้อที่ว่าการใช้เท้าถีบเป็นอันตรายก่อจิตใจโดยความรู้สึกนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า อันตราต่อจิตใจต้องเป็นผลจากการทำร้าย เพราะประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕ บัญญัติว่า เป็นเหตุให้เกิดอันตรา แต่ความรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม เจ็บใจ แค้นใจ เหล่านี้เป็นอา รมย์ หาใช่เป็นอันตรายต่อจิตใจไม่ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์.

Share