แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะยกคำร้องนั้นได้ โดยไม่ต้องกำหนดวันเวลาให้จำเลยปฏิบัติก่อน เพราะบทบัญญัติมาตรานี้บังคับผู้อุทธรณ์แต่เพียงผู้เดียวให้ต้องปฏิบัติ มิใช่เป็นหน้าที่ของศาล คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 มิใช่เป็นคำสั่งไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) ชอบที่ผู้พิพากษาคนเดียวจะสั่งได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 410,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์2532 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จสิ้น แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 16,312.50 บาท ตามที่โจทก์ขอมา คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ข้อเท็จจริงตามที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4อุทธรณ์นั้นเป็นข้อเท็จจริงซึ่งมิได้ยกขึ้นในชั้นพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นมาก่อนเป็นข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์ย่อมต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มิได้หาประกันหรือวางเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 กำหนด จึงให้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2เพื่อพิจารณา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2533 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในวันเดียวกันนั้น จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4จะต้องร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายใน 10 วัน และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งแต่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2533 โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลอุทธรณ์ภาค 2ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยดังกล่าวจึงชอบแล้ว ที่จำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 4 อ้างว่าศาลอุทธรณ์ควรจะกำหนดวันเวลาให้จำเลยปฏิบัติหากละเลยจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยการที่ศาลอุทธรณ์สั่งตามมาตรา 234 โดยเด็ดขาดขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิได้บังคับให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องปฏิบัติดังที่จำเลยกล่าวอ้างแต่ประการใด แต่บทบัญญัติมาตรานี้บังคับผู้อุทธรณ์แต่เพียงผู้เดียวให้ต้องปฏิบัติ หาใช่เป็นหน้าที่ของศาลดังที่จำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 กล่าวอ้างไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น คงมีปัญหาต่อไปว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 โดยมีผู้พิพากษาคนเดียวลงชื่อในคำสั่งชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การออกคำสั่งดังกล่าวมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 21(2) ชอบที่ผู้พิพากษาคนเดียวจะสั่งได้ หาใช่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด”
พิพากษายืน