แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยซื้ออาคารพิพาทอย่างสังหาริมทรัพย์โดยต้องรื้อถอนไปเมื่ออาคารพิพาทยังอยู่ในอายุสัญญาเช่า ระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิมจำเลยผู้ซื้อต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่าจนกว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้เช่ากิจการและอาคารโรงเรียนภาษานุสรณ์ จากนางสุขสม รัตนสันติ ผู้จัดการมรดกของนายสมศักดิ์ รัตนสันติ ผู้ตาย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2526เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดอาคารโรงเรียนดังกล่าวจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประมูลได้โดยรู้ว่าอาคารโรงเรียนมีภาระผูกพันตามสัญญาเช่ากับโจทก์ จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 กับพวกรื้อหลังคา ฝากั้นห้อง บันได ทำลายกระดานเขียนหนังสือ โต๊ะทำงานและส่วนต่าง ๆ ของอาคารเสียหาย โจทก์ซ่อมแซมสิ้นเงินไป 42,000 บาทขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองรื้อถอนและเข้าไปเกี่ยวข้องอาคารจนกว่าสัญญาเช่าจะสิ้นสุดลง และร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 42,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จ จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า เอกสารท้ายฟ้องไม่เป็นสัญญาเช่าตามกฎหมายและตกเป็นโมฆะ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต อาคารโรงเรียนเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ขายให้จำเลยที่ 2 รื้อไป ค่าเสียหายมีไม่เกิน 1,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 42,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาจะต้องวินิจฉัยเพียงว่า จำเลยที่ 1ซื้ออาคารพิพาทอย่างสังหาริมทรัพย์ โดยซื้อแล้วต้องรื้อถอนไปสัญญาเช่าอาคารพิพาทระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิมระงับไปหรือไม่ข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไว้ฟังได้ว่าโจทก์เช่าอาคารพิพาท ระหว่างอายุสัญญาเช่า จำเลยที่ 1 ซื้ออาคารหลังพิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลแล้วจำเลยที่ 2 รื้ออาคารดังกล่าวเห็นว่า เมื่ออาคารพิพาทยังอยู่ในระหว่างอายุสัญญาเช่า จำเลยที่ 1 ผู้ซื้อย่อมต้องรับโอนไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีอยู่กับผู้เช่าในระหว่างอายุสัญญาเช่า จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีสิทธิไปรบกวนสิทธิการเช่าของโจทก์ จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่าจนกว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”