แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายมีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อพิสูจน์ว่าหนี้ทียื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่จริง และลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้นั้นเจ้าหนี้จึงจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ ไม่ว่าหนี้นั้นจะเป็นหนี้ตามคำประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน หรือแม้แต่เป็นหนี้ตามคำพิพากษาอันถึงที่สุด ผู้ขอรับชำระหนี้ก็ต้องนำสืบตามข้ออ้าง
ย่อยาว
คดีนี้ศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ทั้งสองไว้เด็ดขาดเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินเพิ่ม และค่าภาษีการค้ารวม 6 อันดับจำนวน 2,761,837.51 บาท อันเป็นค่าภาษีอากรของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจิ้นง่วนฮวด ซึ่งลูกหนี้ที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจะต้องร่วมรับผิดโดยไม่จำกัดจำนวน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเสนอความเห็นต่อศาลชั้นต้นว่าเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าภาษีอากรรวม 6 อันดับ เป็นเงิน2,761,837.51 บาท เฉพาะหนี้อันดับ 2 เจ้าหนี้ไม่สามารถนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนได้ ส่วนหนี้อันดับ 6 เจ้าหนี้ขอเกินมา 9.91 บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเห็นควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้รวม 5 อันดับ คืออันดับที่ 1 และอันดับที่ 3 ถึงที่ 6 รวมเป็นจำนวนเงิน 2,003,051.32 บาทและควรให้ยกคำขออันดับที่ 2 และส่วนที่ขอเกินมา 9.91 บาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายมีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อพิสูจน์ว่าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่จริง และลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้นั้น เจ้าหนี้จึงจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ไม่ว่าหนี้นั้นจะเป็นหนี้ตามคำประเมินของเจ้าพนักงานประเมินหรือแม้แต่เป็นหนี้ตามคำพิพากษาอันถึงที่สุด ผู้ขอรับชำระหนี้ก็ต้องนำสืบตามข้ออ้าง เจ้าหนี้ไม่นำพยานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนประกอบคำขอรับชำระหนี้อันดับ 2 คดีจึงรับฟังไม่ได้ว่ามีหนี้ตามที่ขอรับชำระหนี้มาในอันดับ 2
พิพากษายืน