คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมมีบาดแผลที่ถูกจำเลยทำร้ายคือ ศีรษะบวมโนด้านหลังดั้งจมูกช้ำ หลังมือขวาบวม ไหล่ซ้ายเขียวช้ำ แขนซ้ายท่อนล่างเขียวช้ำ หลังมือซ้ายเขียวช้ำ ชายโครงซ้ายเขียวช้ำ ศีรษะข้างขวาบวมจากลักษณะบาดแผลของโจทก์ร่วมดังกล่าว แม้จะเป็นเพียงบาดแผลและเขียวช้ำ แต่ก็มีบาดแผลถึง 8 แห่ง และแพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลมีความเห็นว่า บาดแผลดังกล่าวเกิดเพราะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้เส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดที่ใหญ่กว่าเส้นเลือดฝอยแตกต้องใช้เวลารักษาประมาณ 10 ถึง 15 วัน จึงจะหายเป็นปกติ ถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้รับอันตรายแก่กาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295และให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุกจำเลย 3 เดือน ส่วนคำขอให้นับโทษต่อตามคดีที่อ้างนั้น ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ จึงนับโทษต่อไม่ได้ คำขอนี้ให้ยกเสีย จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่าบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับ ถือได้หรือไม่ว่าเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจของโจทก์ร่วม พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ.1 ปรากฏว่า โจทก์ร่วมมีบาดแผลคือ
(1) ศีรษะบวมโนด้านหลัง
(2) ดั้งจมูกช้ำ
(3) หลังมือขวาบวม
(4) ไหล่ซ้ายเขียวช้ำ
(5) แขนซ้ายท่อนล่างเขียวช้ำ
(6) หลังมือซ้ายเขียวช้ำ
(7) ชายโครงซ้ายเขียวช้ำ
(8) ศีรษะข้างขวาบวม
จากลักษณะบาดแผลของโจทก์ร่วมดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นเพียงบาดแผลบวมและเขียวช้ำ แต่ก็มีบาดแผลถึง 8 แห่ง และพันตำรวจเอกทวีศักดิ์แพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลเบิกความว่า บาดแผลดังกล่าวเกิดเพราะได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้เส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดที่ใหญ่กว่าเส้นเลือดฝอยแตก ต้องใช้เวลารักษาประมาณ10 ถึง 15 วัน จึงจะหายเป็นปกติ กรณีดังกล่าวจึงถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้รับอันตรายแก่กายแล้ว”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลย 2,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

Share