แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การว่าโจทก์ผู้ทรงได้รับเช็คพิพาทมาด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล แม้จะให้การว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยไม่สุจริต ก็มิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่า โจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ใด ด้วยวิธีการใด ไม่สุจริตอย่างไร จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาท คดีไม่จำเป็นต้องสืบพยาน หรือหากสืบพยานมาก็ไม่จำเป็นต้องพิเคราะห์พยานหลักฐานนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คเงินสดจำนวน 4 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,050,000 บาท ชำระหนี้ให้แก่ผู้มีชื่อ ภายหลังผู้มีชื่อได้นำเช็คทั้งสี่ฉบับดังกล่าวมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เช็คจำนวน 4 ฉบับ จำเลยมอบให้นางสาวจินตนาจารุวิจิตรรัตนา เพื่อเป็นประกันเงินยืมโดยมิได้ลงวันที่สั่งจ่าย และจำเลยชำระเงินยืมครบถ้วนแล้ว แต่นางสาวจินตนาได้ถึงแก่กรรมโดยยังมิได้คืนเช็คแก่จำเลย จำเลยได้ติดตามเพื่อขอเช็คคืน ก็ได้รับแจ้งว่าเช็คทั้งสี่ฉบับของจำเลยหายไป เชื่อว่ามีผู้ลักไป โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต ผู้ที่จดวันที่ออกเช็คลงในเช็คพิพาทได้กระทำไปโดยไม่ชอบและไม่มีอำนาจ เพราะมิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยมิใช่เป็นผู้ที่ได้รับโอนเช็คมาโดยสุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจเรียกเก็บเงินตามเช็คอันเป็นเอกสารปลอมจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน1,050,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…เช็คพิพาททั้งสี่ฉบับเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับจึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคแรก จำเลยไม่อาจต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนเว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลตามมาตรา 916 ประกอบมาตรา 989 วรรคแรก จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงได้รับเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับมาด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ทั้งคำให้การก็บรรยายแต่เพียงว่าเชื่อว่ามีผู้ลักเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับไป โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต ผู้ที่จดวันที่ออกเช็คลงในเช็คพิพาทได้กระทำไปโดยไม่ชอบ มิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับมาจากผู้ใด ด้วยวิธีการใด ไม่สุจริตอย่างไร คำให้การของจำเลยไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาท คดีไม่จำเป็นต้องสืบพยาน แม้สืบมาก็ไม่จำเป็นต้องพิเคราะห์พยานหลักฐานนั้นแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อธนาคารตามเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914 ประกอบมาตรา 989 วรรคแรกศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน