คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2718/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 697 เป็นสิทธิที่ให้อำนาจแก่เจ้าหนี้เหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ เช่น การจำนอง จำนำ หรือบุริมสิทธิ โฉนดเป็นเพียงเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในตัวทรัพย์ ลูกหนี้มอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้จึงไม่ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิใดๆ ในตัวทรัพย์คือที่ดินตามโฉนดนั้น การที่เจ้าหนี้คืนโฉนดให้แก่ลูกหนี้ไป จึงไม่เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันพ้นความรับผิดไปได้ (อ้างฎีกาที่ 631/2474)
การที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ในฐานที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้แพ้คดีแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา161 นั้น จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจะอ้างเหตุที่โจทก์ไม่ทวงถามก่อนฟ้อง ขึ้นเป็นข้อยกเว้นความรับผิดเพื่อค่าฤชาธรรมเนียมความซึ่งลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่เจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 684 หาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ในฐานะลูกหนี้เงินกู้ชำระหนี้เงินกู้ในต้นเงิน 11,000 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ1.25 บาทเป็นเวลา 2 ปี 5 เดือน เป็นเงิน 3,987.50 บาทแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระแทน

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ได้เข้าค้ำประกันหนี้รายนี้เพราะจำเลยที่ 1 ได้นำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นหลักทรัพย์เพียงพอชำระหนี้ให้โจทก์ยึดถือไว้ แต่โจทก์ได้คืนโฉนดให้จำเลยที่ 1 นำไปจำนองกับบุคคลอื่นทั้งโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยไม่ได้เรียกให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ก่อนจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 14,978.50 บาทแก่โจทก์ และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือนในต้นเงิน 11,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันต้องรับผิดพิพากษาแก้ ว่าถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ในประเด็นที่ว่า การที่โจทก์ได้คืนโฉนดให้จำเลยที่ 1 ไปนั้นจำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 697 นั้น ต้องเป็นสิทธิที่ให้อำนาจแก่เจ้าหนี้เหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ เช่น การจำนอง จำนำ หรือบุริมสิทธิ โฉนดเป็นเพียงเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในตัวทรัพย์ จำเลยที่ 1 มอบโฉนดให้โจทก์ยึดถือไว้ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิใด ๆ ในตัวทรัพย์ คือที่ดินตามโฉนด การที่โจทก์คืนโฉนดให้จำเลยที่ 1 ไป จึงไม่เป็นเหตุทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันพ้นความรับผิดไปได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 631/2474

ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2ชำระค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย เป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 684 เพราะโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้เรียกให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ก่อนนั้น เห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ในฐานที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้แพ้คดีแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 หาใช่กรณีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยที่ 1อันจะอ้างเหตุไม่ทวงถามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 684 ขึ้นเป็นข้อยกเว้นความรับผิดไม่

พิพากษายืน

Share