แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 72 ให้จำคุก 15 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้จำคุก 5 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมาเป็นการแก้เฉพาะกำหนดโทษโดยมิได้แก้บทความผิด ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย คู่ความต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2516)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สตางค์ มงคลสุขผู้ตายรับราชการในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และคณบดีคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล จำเลยรับราชการเป็นอาจารย์โทสอนภาษาในคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ตาย เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2514 เวลากลางวันจำเลยบังอาจพาอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ 1 กระบอก บรรจุกระสุนปืน 6 นัด ซึ่งเป็นของจำเลยที่ได้รับอนุญาตแล้ว ไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และจำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงศาสตราจารย์ ดร.สตางค์ มงคลสุข รวม 4 นัด โดยมีเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระสุนปืนถูกตามร่างกายหลายแห่งและถึงแก่ความตายในวันเกิดเหตุ เจ้าพนักงานได้อาวุธปืน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืน 6 ปลอก หัวกระสุนปืนจากศพผู้ตาย 2 หัว และตกอยู่ในที่เกิดเหตุอีก 1 หัว เป็นของกลาง เหตุเกิดที่ตำบลพญาไท อำเภอพญาไท จังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 (4), 371, 91 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและไม่ได้พาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรแต่จำเลยได้ยิงผู้ตายเพราะบันดาลโทสะ โดยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ขอให้ลงโทษจำเลยแต่สถานเบา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 ให้จำคุก 15 ปี ของกลางริบ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ขอลดหย่อนผ่อนโทษ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า รูปคดีมีเหตุผลเพียงพอที่จะกำหนดโทษให้เบาลงกว่าที่ศาลชั้นต้นวางกำหนดโทษแก่จำเลยได้ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 5 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้วางกำหนดโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้จำคุกจำเลยห้าปีตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมาเป็นการแก้เฉพาะกำหนดโทษโดยมิได้แก้บทความผิด ดังนี้ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คู่ความต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกาโจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามกำหนดที่ศาลชั้นต้นพิพากษา เป็นฎีกาในข้อดุลพินิจ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ยกฎีกาโจทก์