คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้เจ้าหนี้บุริมสิทธิมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เอาเงินจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้มาชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้สามัญ และมีสิทธิยื่นคำร้องให้ตนเข้าเฉลี่ยในเงินดังกล่าวในฐานะเจ้าหนี้สามัญได้อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 และ 290 แต่ทั้งสองกรณีนี้เป็นการใช้สิทธิคนละมาตรา คนละเรื่อง และคนละประเด็นกัน เมื่อได้ความว่าหนี้ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระแก่ผู้ร้องเป็นเพียงหนี้สามัญมิใช่หนี้บุริมสิทธิ ฉะนั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 1 มาชำระหนี้ตนก่อนนั้น ศาลจะสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวแทนการอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ก่อนโจทก์หาได้ไม่ เพราะเป็นการพิจารณาสั่งนอกฟ้องนอกประเด็นในคดี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 120,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืน ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 27401, 27402, 27403 และ 27404ตำบลหนองเสม็ด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ของจำเลยที่ 1 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ประกอบการค้าอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากำไร มีรายรับจากการขายที่ดินและขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในระหว่างเดือนตุลาคม 2538 ถึงเดือนกันยายน 2540 จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เจ้าพนักงานประเมินแจ้งการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะให้จำเลยที่ 1 ทราบ แต่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระภายในกำหนด จำเลยที่ 1 ค้างชำระหนี้ค่าภาษีอากรดังกล่าว รวมเป็นเงิน 1,794,637 บาท (ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมาย) ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ค่าภาษีอากรดังกล่าว ซึ่งเป็นหนี้บุริมสิทธิสามัญเหนือทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินที่ผู้ร้องจะยึดมาชำระหนี้ได้ ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินค่าภาษีอากรอันเป็นบุริมสิทธิสามัญเป็นเงิน 1,794,637 บาท และเงินเพิ่มตามกฎหมายจากเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 1 ให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าหนี้บุริมสิทธิสามัญ จำเลยที่ 1 มีทรัพย์สินที่ผู้ร้องสามารถยึดมาชำระหนี้ได้ ผู้ร้องจึงไม่อาจขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ได้จากการขายทอดตลาด ขอให้ยกคำร้องขอ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าหนี้บุริมสิทธิ ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก่อนโจทก์ ทั้งจำเลยที่ 1 ยังมีที่ดินอยู่อีกซึ่งผู้ร้องสามารถบังคับชำระเอาจากทรัพย์สินดังกล่าวได้ ให้ยกคำร้องขอ

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังยุติได้ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะแก่ผู้ร้องและหนี้ดังกล่าวไม่เป็นหนี้บุริมสิทธิ แต่เป็นหนี้สามัญ ที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 1 ก่อน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้นำยึดโดยอาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิ แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นหนี้สามัญศาลก็ต้องพิจารณาสั่งให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในเงินดังกล่าวได้ เพราะทั้งเจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือเจ้าหนี้สามัญมีสิทธิขอเฉลี่ยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 และไม่เป็นการพิจารณานอกประเด็นนั้น เห็นว่า แม้เจ้าหนี้บุริมสิทธิมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้มาชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้สามัญและเจ้าหนี้บุริมสิทธิยังมีสิทธิยื่นคำร้องให้ตนเข้าเฉลี่ยในเงินดังกล่าวในฐานะเจ้าหนี้สามัญได้อีก ซึ่งทั้งสองกรณีเป็นการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 และมาตรา 290 อันเป็นการใช้สิทธิคนละมาตราคนละเรื่อง และคนละประเด็นกัน เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินจำเลยที่ 1 มาชำระหนี้ตนก่อนโจทก์ โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระ ซึ่งเป็นหนี้บุริมสิทธิ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าหนี้ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะดังกล่าวมิได้เป็นหนี้บุริมสิทธิแต่เป็นหนี้สามัญ ศาลจะพิจารณาสั่งตามที่พิจารณาได้ความอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 1 แทนการอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ก่อนโจทก์หาได้ไม่ เพราะเป็นการพิจารณาสั่งนอกฟ้องนอกประเด็นในคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนให้ยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share