คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝาก ผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้ การฝากข้าวซึ่งเป็น
สังกมะทรัพย์นั้น หากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่
เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือ แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย เพราะคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช2489 เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกัน การกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้ มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้น จำเลยที่ 2 มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 จำเลยที่ 2 ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบการครอบครองข้าวเปลือกจากองค์การตลาดเพื่อการเกษตร จำเลยที่ ๑ ได้ยักยอกเอาข้าวเปลือกดังกล่าวเป็นของจำเลยและบุคคลที่ ๓ และจำเลยที่ ๑ ได้ยักยอกข้าวเปลือกจากสถานที่เก็บภายในเขตควบคุมการค้าข้าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการซึ่งตั้งขึ้นตามความในพระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ. ๒๔๘๙ และคณะกรรมการดังกล่าวได้ประกาศและสั่งห้ามยักย้ายข้าวเปลือกไว้แล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย การยักยอกข้าวเปลือกของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวมีจำเลยที่ ๒ กับพวกที่หลบหนีเป็นผู้สนับสนุนโดยช่วยเหลือย้ายข้าวเปลือกที่จำเลยที่ ๑ ยักยอกนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๘๓, ๘๖ พระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๗, ๘, ๑๗ แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๔, ๑๐
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ และพระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๗, ๘, ๑๗ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๓๕ ประกอบด้วย มาตรา ๘๓ ซึ่งมีโทษหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒ ปี สำหรับจำเลยที่ ๑ ให้ยกฟ้องโจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๘๖ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ในความผิดฐานยักยอกข้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้รับฝากมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝาก ผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ กรณีนี้ไม่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้จริงอยู่การฝากข้าวซึ่งเป็นสังกมะทรัพย์นั้น หากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริต ไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝาก ซึ่งก็เป็นเรื่องของการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่
ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มิได้กระทำผิดไม่มีตัวการ จำเลยที่ ๒ จึงไม่อาจรับผิดในฐานะผู้สนับสนุนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วว่า จำเลยที่ ๑ ยักยอกข้าวขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกรรมโดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ ศาลอุทธรณ์ย่อมลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ เพียงแต่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ด้วย เพราะคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วเท่านั้น หาใช่ว่าไม่มีตัวการกระทำผิดดังที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาไม่
สำหรับฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยที่ ๒ ต้องมีความผิดฐานยักย้ายข้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช ๒๔๘๙ ด้วยนั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ว่า การที่จำเลยที่ ๒ ช่วยจำเลยที่ ๑ ยักย้ายข้าวก็เพื่อกระทำผิดฐานยักยอก จำเลยที่ ๒ จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการไม่ได้ จำเลยที่ ๒ จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว โจทก์ฎีกาความว่า พระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช ๒๔๘๙ เป็นกฎหมายพิเศษ บทบังคับที่ห้ามยักย้ายข้าวเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้นเป็นบทบังคับเด็ดขาด หากปล่อยให้มีข้อยกเว้นว่ากรณีเช่นคดีนี้ไม่ต้องขออนุญาตก็จะทำให้มีการหลีกเลี่ยงโดยปัดความรับผิดไปให้โจรผู้ร้ายได้ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา กับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช ๒๔๘๙ เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกัน และเป็นอิสระจากกัน การกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้ มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้น จำเลยที่ ๒ มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช ๒๔๘๙ จำเลยที่ ๒ ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วยดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช ๒๔๘๙ มาตรา ๗, ๘, ๑๗ ด้วย และให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share