แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์มีสิทธิและอำนาจดำเนินการขุดแร่หรือโอนขายประทานบัตรและอื่น ๆ ได้ทั้งสิ้นตามสัญญาขายสิทธิการทำเหมืองแร่เช่นดังที่จำเลยได้เคยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไว้แต่เดิมและขอให้เพิกถอนหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจให้ ว. มาเปิดทำการขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรที่ขายให้โจทก์ อันเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แล้วโจทก์มีคำขอให้ศาลสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยและ ว. เข้าทำเหมืองแร่ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์มิใช่เรื่องขอให้บังคับเอาแก่ตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่ที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์เลยและโจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาด้วยเหมืองแร่ที่ ว. เข้าไปทำจึงมิใช่ตัวทรัพย์ที่พิพาทในคดีนี้การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ดังกล่าว จึงไม่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่หากการกระทำของ ว. และจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่โจทก์ในเวลาต่อมาก็เป็นเรื่องนอกคำขอท้ายฟ้องคดีนี้ และศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ให้กระทบกระเทือนถึง ว. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและไม่มีโอกาสต่อสู้คดีหาได้ไม่ ศาลจึงไม่จำต้องรับคำร้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์มีสิทธิและอำนาจดำเนินการขุดแร่ หรือโอนขายประทานบัตรและอื่น ๆ เช่นเดียวกับหนังสือมอบอำนาจที่ 139/2508ซึ่งจำเลยได้เคยทำให้แก่โจทก์และถอนการมอบอำนาจนายวัฒนะ ตามหนังสือมอบอำนาจที่ 56/2520
จำเลยให้การว่า สัญญาให้โจทก์เข้าทำเหมืองแร่สิ้นสุดไปแล้ว การทำเหมืองแร่เป็นสิทธิเฉพาะตัวโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า นายวัฒนะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยได้เข้าทำเหมืองแร่ในประทานบัตรที่พิพาท ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ ห้ามจำเลยและนายวัฒนะทำเหมืองขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรรายนี้ เพื่อมิให้จำเลยกระทำผิดสัญญาตามที่ถูกฟ้องร้อง และทำให้สิ้นเปลืองซึ่งแร่ดีบุกอันเป็นสิทธิของโจทก์ พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้ว มีคำสั่งห้ามจำเลยเข้าทำเหมืองขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรพิพาทตั้งแต่วันมีคำสั่ง
จำเลยยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าว
ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย
จำลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยเข้าทำเหมืองขุดแร่ในที่ประทานบัตรพิพาท ซึ่งออกตามคำขอของโจทก์ในเหตุฉุกเฉิน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า (1) การที่โจทก์มีคำขอให้ศาลสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยและนายวัฒนะผู้รับมอบอำนาจเข้าทำเหมืองแร่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้อง ซึ่งศาลจะต้องรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ (2) มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ตามคำร้องของโจทก์หรือไม่
ประเด็นข้อ (1) นั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์มีสิทธิและอำนาจดำเนินการขุดแร่หรือโอนขายประทานบัตรและอื่น ๆ ได้ทั้งสิ้นตามสัญญาขายสิทธิการทำเหมืองแร่เช่นจำเลยดังที่จำเลยได้เคยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไว้แต่เดิม และขอให้เพิกถอนหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจให้นายวัฒนะมาเปิดทำการขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรที่ขายให้โจทก์โดยไม่มีอำนาจและเป็นการไม่ชอบ อันเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์จึงมิใช่เรื่องขอให้บังคับเอาแก่ตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่ที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์เลยและโจทก์ก็มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาด้วย เหมืองแร่ที่นายวัฒนะเข้าไปทำจึงไม่ใช่ตัวทรัพย์ที่พิพาทในคดีนี้ การที่โจทก์มายื่นคำร้องว่านายวัฒนะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยได้เข้าทำเหมืองแร่ขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรที่จำเลยตกลงขายสิทธิให้โจทก์ ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ จึงไม่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้องซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่ หากการกระทำของนายวัฒนะและจำเลยอาจจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ในเวลาต่อไป ก็เป็นเรื่องนอกคำขอท้ายฟ้องคดีนี้และศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ให้กระทบกระเทือนถึงนายวัฒนะผู้ทำเหมืองแร่อยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและไม่มีโอกาสต่อสู้คดีหาได้ไม่ ศาลจึงไม่จำต้องรับคำร้องของโจทก์ไว้พิจารณา ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้อ 2 ต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยเข้าทำเหมืองแร่ในที่ประทานบัตรรายพิพาทซึ่งออกตามคำขอของโจทก์ในเหตุฉุกเฉินเสียนั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน