แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างเหตุว่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเลิกกันแล้วเนื่องจากจำเลยผิดสัญญาเช่า มิได้อ้างเหตุว่า สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว การที่ศาลล่างพิพากษาขับไล่จำเลยโดยอาศัยเหตุที่ว่าขณะศาลตัดสิน สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่นั้นเป็นการพิพากษานอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าโดยนำตึกแถวที่เช่าไปให้ผู้อื่นเช่าต่อโจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยให้การว่า มิได้ผิดสัญญาเช่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
นายชัยโรจน์ร้องขอเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ขณะศาลตัดสินคดีสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยครบกำหนดแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวพิพาทต่อไป ให้ขับไล่จำเลยและบริวารตามฟ้อง
จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษานอกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยและจำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างเหตุว่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเลิกกันแล้ว เนื่องจากจำเลยผิดสัญญาเช่าเอาห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในห้องพิพาทต่อไป โจทก์มิได้ฟ้องขับไล่ โดยอ้างเหตุว่าสัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาขับไล่จำเลยโดยอาศัยเหตุที่ว่าขณะศาลตัดสินสัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่นั้น เห็นว่าเป็นการพิพากษานอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่