แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พ.ร.บ.สัตว์พาหนะพ.ศ.2482มาตรา8(3)บัญญัติว่าสัตว์พาหนะใดได้ใช้งานแล้วต้องนำไปขอจดทะเบียนตั๋วรูปพรรณเป็นบทบังคับเด็ดขาดการซื้อขายสัตว์พาหนะที่ได้ใช้งานแล้วถ้ามิได้ทำหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะโจทก์ผู้ขายจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้เพื่อชำระราคาค่ากระบือจากการซื้อขายที่เป็นโมฆะได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คเป็นค่ากระบือที่ขายไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้สัญญาซื้อขายกระบือมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ตามฟ้อง ให้ยกฟ้องสำหรับโจทก์ที่ 2
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1
โจทก์ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะพ.ศ. 2482 มาตรา 8 (3) บัญญัติว่า สัตว์พาหนะใดได้ใช้งานแล้วต้องนำไปขอจดทะเบียนตั๋วรูปพรรณจึงเป็นบทบังคับเด็ดขาดซึ่งเจ้าของสัตว์พาหนะต้องปฏิบัติตาม และศาลอุทธรณ์ก็ฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบว่ากระบือทั้งหมดที่โจทก์ขายให้จำเลยเป็นกระบือที่ใช้ไถนาแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเป็นสัตว์พาหนะที่ได้ใช้งานแล้วจึงต้องนำไปขอจดทะเบียนตั๋วรูปพรรณ ส่วนบทบัญญัติมาตรา 456 วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ระบุว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายสัตว์พาหนะด้วย เมื่อโจทก์ขายกระบือซึ่งเป็นสัตว์พาหนะที่ต้องจดทะเบียนตั๋วรูปพรรณแก่จำเลยโดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายดังกล่าวจึงเป็นโมฆะและโจทก์ไม่อาจใช้สิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้โจทก์ในการชำระราคาค่ากระบือจากการซื้อขายที่เป็นโมฆะได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”.