แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซ่อมรถแทรกเตอร์ให้จำเลยรับมอบไปตามที่ตกลงจ้างกันแล้ว จำเลยเอารถออกใช้งาน ปรากฏว่ากระบอกไฮโดรลิครั่ว ไม่มีแรงดันยกใบมีดด้านหน้า ความชำรุดบกพร่องเหล่านี้จำเลยไม่พึงพบได้ในขณะส่งมอบ ซึ่งโจทก์ยังจะต้องรับผิดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 598 และจำเลยมีสิทธิ์ที่จะยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้ตามมาตรา 599 เพื่อให้โจทก์แก้ไขความชำรุดบกพร่องให้เรียบร้อยภายในกำหนดเวลาอันสมควร ถ้าโจทก์ไม่ยอมแก้ไข จำเลยจึงจะเอารถแทรกเตอร์ไปให้คนอื่นซ่อมได้ โดยโจทก์จะต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น ตามมาตรา 594 เมื่อโจทก์ซ่อมรถแทรกเตอร์ตามที่จำเลยแจ้งให้ทราบไปครั้งหนึ่งแล้ว จำเลยนำรถไปใช้งานหนักถึง 4 เดือน แล้วจึงให้บริษัท ย. ยกเครื่องใหม่ แม้ว่าโจทก์ยังจะต้องรับผิดสำหรับรายการซ่อมบางรายการที่โจทก์ซ่อมมาแล้ว แต่เมื่อจำเลยไม่แจ้งให้โจทก์ทำการแก้ไขความชำรุดบกพร่องเสียก่อนและโจทก์ปฏิเสธ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิด และจำเลยไม่มีสิทธิ์ยึดหน่วงค่าจ้างที่ค้างไว้ต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าซ่อมรถแทรกเตอร์ที่ยังค้างชำระอยู่อีก ๕๔,๘๓๑.๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระหมดให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่สามารถซ่อมรถแทรกเตอร์ให้ใช้การได้ จำเลยต้องว่าจ้างบุคคลอื่นทำการซ่อมจนเสร็จ โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องเอาเงินตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วเชื่อว่าโจทก์ได้ทำการซ่อมรถแทรกเตอร์ให้จำเลยทุกประการตามที่ตกลงกันแล้ว จำเลยเอารถออกใช้งาน ปรากฏว่า ริปเปอร์ (กระเช้าตักดิน) เกิดระเบิดตรงท่อไฮโดรลิคที่ใช้บังคับริปเปอร์ขึ้นลง ต้องรื้อออกกินเวลา ๑ วัน รุ่งขึ้นเอารถออกใช้งานอีก ปรากฏว่ากระบอกไฮโดรลิครั่ว จึงไม่มีแรงดันยกใบมีดด้านหน้าได้และแขนขวาที่ให้ซ่อมก็หลุดออก กับเซ็นเตอร์พินหัก เห็นว่า ความชำรุดบกพร่องเหล่านี้จำเลยไม่พึงพบได้ในขณะส่งมอบ ซึ่งโจทก์ยังจะต้องรับผิดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๙๘ และจำเลยมีสิทธิ์ที่จะยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้ตามมาตรา ๕๙๙ แต่การที่จำเลยจะยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้นั้น ก็เพียงเพื่อให้โจทก์แก้ไขความชำรุดบกพร่องให้เรียบร้อยภายในกำหนดเวลาอันสมควร ซึ่งจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบ ถ้าโจทก์ไม่ยอมแก้ไขความชำรุดบกพร่อง จำเลยจึงจะเอารถแทรกเตอร์ไปให้คนอื่นซ่อมโดยโจทก์จะต้องออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นตามมาตรา ๕๙๔ แต่เมื่อจำเลยได้แจ้งความชำรุดบกพร่องดังกล่าวให้โจทก์ทราบ โจทก์ได้ส่งช่างไปซ่อมให้ การที่โจทก์ต้องเอารถไปให้บริษัทยนตรภัณฑ์ จำกัด ซ่อมอีกครั้งหนึ่ง น่าจะเป็นเพราะรถแทรกเตอร์ใช้งานหนักมาตลอด ๕ เดือนเศษ จึงต้องยกเครื่องใหม่ และตามรายการที่โจทก์ซ่อมมาแล้ว แต่บริษัทยนตรภัณฑ์ จำกัด ซ่อมให้ใหม่ก็มีแต่กระบอกไฮโดรลิคยกใบมีด ไส้กรองและเปลี่ยนลูกรอกเท่านั้น แม้ว่าโจทก์ยังจะต้องรับผิดอยู่สำหรับรายการซ่อม ๓ รายการนี้ แต่เมื่อจำเลยไม่แจ้งให้โจทก์ทำการแก้ไขความชำรุดบกพร่องเสียก่อน และโจทก์ปฏิเสธ การที่จำเลยเอารถแทรกเตอร์ไปให้บริษัทยนตรภัณฑ์ จำกัด ทำการซ่อม โจทก์จึงไม่ต้องรับผิด และจำเลยไม่มีสิทธิ์ยึดหน่วงค่าจ้างที่ค้างไว้ต่อไป
พิพากษากลับ ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้าง ๕๔,๘๓๑.๖๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ