คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์ไปขอรับเงินตามตั๋วแลกเงิน.ที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสาขาของธนาคารจำเลยที่ 1 ออกให้โจทก์จากสาขาธนาคารของจำเลยที่ 1 อีกแห่งหนึ่งไม่ได้. เพราะเลขระหัสตามตั๋วแลกเงินมีการผิดพลาด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย. ดังนี้ เห็นได้ว่ามูลเหตุที่ทำให้โจทก์มาฟ้องนั้นก็โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาอันพึงมีต่อกันตามตั๋วแลกเงินที่จำเลยที่ 2 ออก. ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อดราฟท์ (ตั๋วแลกเงิน) ส่งเงินจำนวน10,000 บาท จากจำเลยที่ 2 โดยสั่งจ่ายที่ธนาคารเกษตร สาขาพิษณุโลกอันเป็นสาขาจำเลยที่ 1 โจทก์นำดราฟท์ไปขึ้นเงินที่ธนาคารเกษตรปรากฏว่ารหัสเลขเปลี่ยนของดราฟท์ฉบับนั้นผิดอันเนื่องจากความประมาทเลินเล่อร้ายแรงของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ธนาคารเกษตรสาขาพิษณุโลกจึงไม่ยอมจ่ายเงินให้โจทก์ โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะวันนั้นเป็นวันครบกำหนดที่โจทก์ต้องชำระราคาและรับมอบไม้ไผ่ป่าตามที่โจทก์ทำสัญญาซื้อขายไว้กับนายสมบูรณ์ โจทก์ไม่มีเงินไปชำระ ต้องถูกนายสมบูรณ์ริบเงินมัดจำ ต้องหาซื้อไม้ไผ่รายอื่นซึ่งมีราคาแพงขึ้นจำเลยยอมจ่ายให้เพียงเฉพาะเงินค่าดราฟท์ 10,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 27,147 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การรับว่าเป็นความผิดของจำเลยที่ 2 ผู้เดียว คดีโจทก์ขาดอายุความ ฯลฯ ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยาน เห็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเรื่องอาศัยสิทธิในสัญญาอันเกี่ยวกับดราฟท์ หรือตั๋วแลกเงิน ไม่ใช่อาศัยมูลหนี้จากการละเมิด จึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ชั้นฎีกา ธนาคารกรุงไทย โดยนายจตุภัทรกรรมการผู้จัดการใหญ่ผู้รับมอบอำนาจยื่นคำร้องว่า ธนาคารเกษตรจำกัดและธนาคารมณฑลได้จดทะเบียนควบกิจการเข้าด้วยกัน ใช้ชื่อใหม่ว่าธนาคารกรุงไทยจำกัด ธนาคารกรุงไทย ขอเข้าสวมสิทธิดำเนินคดีต่อไป และมอบอำนาจให้นายสวัสดิ์ผู้จัดการธนาคารกรุงไทยจำกัด สาขาอุทัยธานีมีอำนาจดำเนินคดีต่อไป ศาลฎีกาอนุญาต จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ที่บรรยายไว้นั้นเป็นเรื่องที่ว่าโจทก์ไปขอรับเงินตามตั๋วแลกเงินที่จำเลยที่ 2 ออกให้โจทก์จากธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาพิษณุโลก (ธนาคารเกษตรจำกัด สาขาพิษณุโลกเดิม) ไม่ได้เพราะเลขรหัสตามตั๋วแลกเงินมีการผิดพลาดโจทก์จึงมาฟ้องอ้างเหตุว่าทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายตามที่ฟ้องซึ่งเห็นได้ว่ามูลเหตุที่ทำให้โจทก์นำมาฟ้องนั้นก็โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาอันพึงมีต่อกันตามตั๋วแลกเงินที่จำเลยที่ 2 ออกเลขรหัสผิดทำให้โจทก์รับเงินไม่ได้ในวันนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ตามท้ายฟ้องของโจทก์นั้นเองก็กล่าวว่า จำเลยทั้งสามไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นการผิดสัญญา ไม่จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินเกิดการเสียหายดังกล่าวขึ้น จึงต้องฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงเป็นเรื่องที่อาศัยสิทธิตามสัญญาของตั๋วแลกเงิน ไม่ใช่อาศัยมูลหนี้เรื่องละเมิด ฉะนั้น จึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนด 10 ปี เป็นบทบังคับคดี ไม่ใช่อายุความเรื่องละเมิดตามมาตรา 448 ที่มีกำหนด 1 ปี พิพากษายืน.

Share