คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องขอให้แบ่งมฤดกตามสัญญาแบ่งมฤดกนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้รับผิด หรือตัวแทนเป็นสำคัญแล้ว จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ แต่ในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกซึ่งมิใช่ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาแบ่งมฤดกนั้น จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จำเลยได้แบ่งปันทรัพย์มฤดกเสร็จไปแล้ว ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของตนได้

ย่อยาว

โจทก์เป็นมารดานางหรุ่ม ภริยาจำเลย นางหรุ่มวายชนม์แล้ว โจทก์จึงฟ้องขอแบ่งมฤดกนางหรุ่มจากจำเลย
จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์บางอย่างไม่ใช่มฤดก ที่เป็นมฤดกก็ได้ตกลงแบ่งมฤดกกับโจทก์ ต่างได้เอาทรัพย์ไปแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในข้อกฏหมายว่า การแบ่งมฤดกเป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความ เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จะรับฟังพยานบุคคลไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามมาตรา ๑๗๕๐ การแบ่งทรัพย์มฤดกนั้นอาจทำได้โดยทายาทต่างเข้าครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัด หรือโดยการขายทรัพย์มฤดกแล้วเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งปันกันระหว่างทายาท แต่ถ้าการแบ่งปันมิได้ทำตามที่กล่าวมาแล้ว แต่ได้ทำโดยสัญญาแล้ว จะฟ้องร้องคดีหาได้ไม่ เว้นแต่จะมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คดีนี้มิใช่เรื่องฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาแบ่งมรดก แต่เป์นเรื่องที่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์จำเลยได้แบ่งมฤดกเสร็จสิ้นแล้ว จำเลขชอบที่จะนำสืบพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ได้ ส่วนข้อเท็จจริงเห็นอย่างศาลชั้นต้น จึงพิพากษายืน

Share