แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้กล่าวในฟ้องว่ามีคนร้ายลักทรัพย์ไปจำเลยพาเอาทรัพย์ที่ถูกลักไป โดย จำเลยสมคบกันลักหรือรับไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาจาการกระทำผิดกฎหมายขอให้ ลงโทษฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ดังนี้ ไม่เรียกว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม อ้างฎีกาที่ 624 – 625/2480
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องมีความสำคัญดังนี้ มีคนร้ายลักโคของนายคล้ายไป ๔ ตัว จำเลยพาโคของนายคล้ายที่ถูกโจรลักไปเป็นประโยชน์โดยเจตตชนาทุจจริต ทั้งนี้ โดย จำเลยสมคบกันลักหรือรับโคของนายคล้ายที่ถูกคนร้ายลักดังกล่าวแล้ว โดย จำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมายขอให้ ลงโทษฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยาน แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยกล่าวว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ไม่ชองด้วยประมวลวิธี พิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘(๕)
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมเพราะได้กล่าวข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอเท่าที่จะให้ จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วพิพากษาให้ยกคำพิพากษาชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาตามรูปความ
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมล
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมโดยโจทก์กล่าวมาชัดในฟ้องว่า มีคนร้ายลักโคของเจ้าทรัพย์ที่ถูกโจรลักไป โดย จำเลยสมคบกันลักหรือรับโคของเจ้าทรัพย์ที่ถูกคนร้ายลักดังกล่าวแล้ว จำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมายพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์