คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 27/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ตัวแทนโจทก์ตกลงให้จำเลยจัดการขายสร้อยเพชรและแหวนเพชรโดยกำหนดราคาขายไว้ จำเลยมีหน้าที่จะต้องส่งเงินค่าขายให้โจทก์ตามราคาที่กำหนดโจทก์จะตีราคาปานกลางให้จำเลยชดใช้หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้ว่าจ้างจำเลยตกแต่งสร้อยเพชรและทำต่างหูเพชรโดยมอบสร้อยเพชรและต่างหูเพชรรวมราคาประมาณ 140,000 บาท ถึง 250,000 บาท ให้จำเลยไป จำเลยนำเอาไปขายเสีย ขอให้จำเลยคืนสร้อยเพชรและต่างหูดังกล่าวหรือไม่ก็ใช้ราคา 200,000 บาท

จำเลยให้การว่า ผู้มีชื่อมอบของดังกล่าวให้จำเลยขายในราคา 46,000บาท มิใช่ของโจทก์ และจำเลยได้ขายไปแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนสร้อยเพชรและต่างหูเพชรให้โจทก์หากไม่สามารถคืนได้ให้ใช้ราคา 100,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยคืนเงิน 46,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาว่าจำเลยจะต้องคืนเงินค่าขายสร้อยเพชรและต่างหูเพชรแก่โจทก์เพียงใด โจทก์นำสืบว่าราคาปานกลางของสร้อยเพชรและต่างหูเพชรเป็นเงิน 100,000 บาท ฝ่ายจำเลยมีตัวจำเลย นายเชิดชัยและนายไคกิมซึ่งอยู่ในร้านเป็นพยานยืนยันว่า นางพอพิศตัวแทนโจทก์กำหนดราคาขายสร้อยเพชร 35,000 บาท ต่างหูเพชร 11,000 บาท เหตุที่กำหนดราคาเพียงเท่านี้ก็น่าจะเนื่องจากเพชรของโจทก์เป็นเพชรเหลี่ยมเก่าหยาบ น้ำสีเหลือง และมีตำหนิรอยร้าว และแม้จะพิจารณาถึงราคาที่นางสาววิมลศรีขายให้นางอัมพรและนางอัมพรขายต่อให้คนอื่น ก็มิได้สูงกว่าราคาที่นางพอพิศกำหนดจนผิดปกติ เห็นว่าคำพยานจำเลยมีน้ำหนักการที่ฝ่ายโจทก์ตกลงให้จำเลยจัดการขายสร้อยเพชรและแหวนเพชรโดยกำหนดราคาขายไว้ดังกล่าว จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งเงินค่าขายให้โจทก์ตามราคาที่กำหนด คือรวม 46,000 บาท โจทก์จะตีราคาปานกลางให้จำเลยชดใช้หาได้ไม่ ที่โจทก์ฎีกาในในชั้นสอบสวนจำเลยจะใช้ราคาโจทก์ 75,000บาท ก็เห็นว่าเป็นเรื่องต่อรองเพื่อจะเลิกคดีกันเท่านั้น หามีผลเปลี่ยนแปลงข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยไม่

พิพากษายืน

Share