คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2818/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2520 สัญญาจะจ่ายเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในวันที่ 17 ตุลาคม 2521 วันรุ่งขึ้นโจทก์ได้สลักหลังตั๋วนั้นให้แก่ ก.เพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้เงินมา และในวันเดียวกันนั้นเอง ก.ได้เอาตั๋วดังกล่าวค้ำประกันหนี้ที่ ก.เป็นหนี้จำเลยอยู่ ดังนั้ แม้ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นจะเป็นตั๋วชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ตกลงส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้ ก.เพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้มา โจทก์ต้องผูกพันตามสัญญานั้น ต่อมา ก.มอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลยเพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้มาโจทก์ต้องผูกพันตามสัญญานั้น ต่อมา ก. มอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลยเพื่อค้ำประกันหนี้ จำเลยย่อมมีสิทธิยึดตั๋วเงินนั้นไว้ได้ เหตุนี้โจทก์ไม่มีตั๋วเงินไว้ในครอบครอง จึงมิได้อยู่ในฐานะผู้ทรงตั๋วนั้นแล้ว ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามตั๋วนั้นจากจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๐ จำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ เลขที่ ๑๘๗๒ สัญญาจะจ่ายเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๑๑.๒๕ ต่อปีให้แก่โจทก์ในวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๑ เมื่อตั๋วถึงกำหนดโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับการจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว เพราะโจทก์ได้มอบตั๋วนั้นให้ผู้มีชื่อยึดไว้เป็นประกันจำเลยกลับแจ้งให้โจทก์ทราบว่า ผู้มีชื่อนั้นเป็นลูกหนี้จำเลยและได้นำตั๋วดังกล่าวไปหักทอนบัญชีกับจำเลยแล้ว ซึ่งเป็นการไม่ชอบ ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๑.๒๕ คิดถึงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๑ รวมเป็นเงิน ๑๐๐,๑๒๕ บาท กับดอกเบี้ยอัตราเดียวกันในเงิน ๑๐๐,๑๒๕ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๑ จนกว่าจะใช้เงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ในวันที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้อง โจทก์ได้ลงลายมือชื่อสลักหลังโอนตั๋วดังกล่าวคืนให้จำเลยเป็นประกันการชำระหนี้ในเมื่อมีหนี้ต้องหักชำระ กรณีที่โจทก์ให้ผู้มีชื่อแต่งตั้งจำเลยเป็นตัวแทนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อมาผู้มีชื่อดังกล่าวค้างชำระหนี้ค่าหุ้นแก่จำเลย และจำเลยได้เอาตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นหักหนี้เป็นบางส่วน หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินระงับแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
คู่ความแถลงรับกันว่า เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๐ โจทก์ได้ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องจากจำเลย ครั้นในวันรุ่งขึ้นโจทก์ได้สลักหลังตั๋วนั้นให้แก่นางสาวกาญจนา เพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้เงินมา และในวันเดียวกันนั้นเองนางสาวกาญจนาไม่ชำระหนี้ให้จำเลยตามข้อตกลงเป็นจำนวนเงินหลายแสนบาท จำเลยจึงได้เอาตั๋วฉบับนี้หักกลบลบหนี้ ขณะนี้นางสาวกาญจนายังเป็นหนี้จำเลยอีกมาก คู่ความรับกันด้วยว่า โจทก์ไม่ได้ทำสัญญาให้จำเลยไว้เป็นพิเศษว่าจะเอาตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนี้ค้ำประกัน ทั้งสองฝ่ายแถลงขอให้ศาลวินิจฉัยคดีไปตามที่ได้แถลงรับกันดังกล่าวโดยต่างไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วจากข้อเท็จจริงที่คู่ความแถลงรับกันดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องจะเป็นตั๋วชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ตกลงส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้นางสาวกาญจนาเพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้มา โจทก์ต้องผูกพันตามสัญญานั้น ต่อมานางสาวกาญจนามอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลยเพื่อค้ำประกันหนี้ จำเลยมีสิทธิยึดตั๋วเงินนั้นไว้ได้ เหตุนี้โจทก์ไม่มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองจึงมิได้อยู่ในฐานะผู้ทรงตั๋วนั้นแล้ว ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามตั๋วนั้นจากจำเลย
พิพากษายืน

Share