คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนัน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ให้ปรับสถานเดียว 1,000 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เฉพาะโทษเป็นจำคุกสถานเดียวมีกำหนด 1 เดือน แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทน เป็นกรณีแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย ไม่ต้องห้ามจำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ป.อ. มาตรา 33, 83 ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามสิบเอ็ดให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามสิบเอ็ดมีความผิดตาม พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 (ที่ถูกมาตรา 12 (2)), 15 ป.อ. มาตรา 83 ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่น ปรับ 2,000 บาท ฐานเข้าเล่น ปรับ 1,600 บาท รวมปรับ 3,600 บาท จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 31 ฐานเข้าเล่น ปรับคนละ 1,600 บาท จำเลยทั้งสามสิบเอ็ดให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 จำเลยที่ 1 คงปรับ 1,800 บาท จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 31 คงปรับคนละ 800 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 ริบแผ่นโพยบอกราคาต่อรองมวยตู้ของกลาง และให้จำเลยทั้งสามสิบเอ็ดจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับ ยกคำขอให้ริบโทรทัศน์สีของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการเขต 3 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่น จำคุก 2 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 เดือน และปรับ 800 บาท ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทนตาม ป.อ. มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะข้อหาความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับขึ้นมาว่ากรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษหรือไม่ เห็นว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งหมดได้พร้อมของกลางเพียงโทรทัศน์สี จำนวน 1 เครื่อง และแผ่นโพยบอกราคาต่อรองมวยตู้จำนวน 2 แผ่น แม้ผู้เข้าเล่นจะมีจำนวน 31 คน ตามพฤติการณ์ก็ยังไม่อาจแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยที่ 1 กลับตัวเป็นพลเมืองดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 แล้วเปลี่ยนเป็นโทษกักขังแทนโดยไม่รอการลงโทษให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยที่ 1 หลาบจำและเพื่อเป็นการป้องปรามมิให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดในทำนองนี้อีก รวมทั้งเพื่อให้มีเจ้าพนักงานคอยแนะนำ ช่วยเหลือ ตักเตือน หรือสอดส่องดูแลให้จำเลยที่ 1 สามารถกลับตัวได้อย่างแท้จริง จึงเห็นสมควรลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานนี้อีกสถานหนึ่ง และคุมความประพฤติจำเลยที่ 1 ไว้ด้วย ทั้งเมื่อลงโทษปรับจำเลยที่ 1 แล้ว จึงให้จำเลยที่ 1 จ่ายเงินสินบนนำจับในความผิดฐานนี้เสียด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นอีกสถานหนึ่ง เป็นเงิน 2,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 1,000 บาท เมื่อรวมกับโทษปรับในความผิดฐานเข้าเล่นแล้ว รวมปรับ 1,800 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลยที่ 1 ไว้ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 1 ฟัง โดยให้จำเลยที่ 1 ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด ให้จำเลยที่ 1 ละเว้นความประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดทำนองนี้อีกกับให้จำเลยที่ 1 กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยที่ 1 เห็นสมควร มีกำหนด 30 ชั่วโมง ตาม ป.อ. มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 ให้จำเลยที่ 1 จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3.

Share