คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางราชการได้ออกโฉนดที่ดินให้โจทก์ ต่อมามีผู้คัดค้านว่าที่ดินที่ออกโฉนดให้โจทก์นั้นเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งประชาชนใช้ร่วมกัน กรมที่ดินจึงได้เรียกให้โจกท์ส่งโฉนดที่ดินดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพื่อส่งให้แก่จำเลย และให้โอกาสโจทก์ยื่นคำคัดค้านภายใน 30 วัน โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินดังกล่าวมารดาโจทก์ครอบครองมาและยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ แต่โจทก์ยังไม่ได้ส่งโฉนดให้จำเลยและจำเลยก็ยังมิได้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ ดังนี้ โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาสั่งให้จำเลยระงับการเพิกถอนโฉนดของโจทก์ไม่ได้ เพราะยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์ใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจาราความแพ่ง มาตรา 55

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๗๗๖๓ โดยมารดายกให้โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ให้ทำการรังวัดที่ดินนี้เพื่อออกโฉนดให้แก่โจทก์ ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกโฉนดที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์แล้ว ต่อมาโจทก์ได้รับหนังสือจากเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ว่า มีผู้คัดค้านการออกโฉนดที่ดินนี้ของโจทก์ อ้างว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งประชาชนใช้ร่วมกัน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่รายงานไปยังกรมที่ดินจำเลย จำเลยได้สั่งให้แจ้งโจทก์นำโฉนดส่งเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้จำเลยเพิกถอนโฉนดต่อไป โดยให้โอกาสโจทก์คัดค้านโจทก์ได้ทำหนังสือคัดค้านแล้ว ที่ดินโฉนดที่ ๗๗๖๓ นี้เป็นของโจทก์ ไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ขอให้พิพากษาให้จำเลยระงับการเพิกถอนโฉนดฉบับนี้เสีย
จำเลยให้การว่า ทางราชการออกโฉนดที่ดินเลขที่ ๗๗๖๓ ให้โจทก์โดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย มารดาโจทก์ไม่เคยครอบครองที่ดินแปลงนี้ เดิมเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าต่อมามีประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ร่วมกันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยได้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ให้โจทก์นำโฉนดดังกล่าวไปมอบเพื่อส่งโฉนดให้แก่จำเลยและให้โอกาสโจทก์ยื่นคำคัดค้าน โจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านแล้ว แต่ไม่ยอมส่งมอบโฉนดให้จำเลย จนบัดนี้จำเลยยังไม่ได้เพิกถอนโฉนดของโจทก์ เพราะยังอยู่ในระหว่างพิจารณา โดยที่จำเลยยังมิได้เพิกถอนโฉนดของโจทก์ โจทก์จึงยังไม่มีเหตุขอให้ระงับการเพิกถอนโฉนดดังฟ้อง ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ก่อนวันนัดสืบพยาน จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔ ในปัญหาที่ว่า โจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิและมีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์แถลงคัดค้านว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องและแถลงรับว่าจำเลยได้เรียกให้โจทก์ส่งโฉนด แต่ยังมิได้เพิกถอน และโจทก์ยังมิได้ส่งโฉนดให้ ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ คำให้การจำเลย และข้อแถลงรับได้ความว่า ทางราชการออกโฉนดเลขที่ ๗๗๖๓ ให้แก่โจทก์ ต่อมามีผู้คัดค้านว่าที่ดินที่ออกโฉนดนี้เป็นที่สาธารณสมบัติแผ่นดิน ซึ่งประชาชนใช้ร่วมกัน โดยทีประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๔ กำหนดให้อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนดที่ออกให้แก่ผู้ใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายเรียกโฉนดที่ดินนั้นมาแก้ไขให้ถูกต้องหรือเพิกถอนเสียได้ จำเลยจึงได้เรียกให้โจทก์ส่งโฉนดดังกล่าวมา และให้โอกาสโจทก์โต้แย้งคัดค้านภายใน ๓๐ วัน โจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินดังกล่าวมารดาโจทก์ครอบครองมาและยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ แต่โจทก์ยังไม่ได้ส่งโฉนดให้จำเลยและจำเลยก็ยังมิได้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวปรากฏว่าจำเลยยังไม่ได้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ เพียงแต่โจทก์และจำเลยได้เกิดกรณีข้อเท็จจริงกันอยู่ว่า ที่ดินออกโฉนดให้แก่โจทก์นั้นเป็นที่สาธารณประโยชน์อันจำเลยมีอำนาจเพิกถอนได้ตามบัญญัติที่กฎหมายให้อำนาจไว้นั้นหรือไม่ ซึ่งจำเลยจะต้องพิจารณาสั่งต่อไป ผลของการพิจารณาจำเลยอาจมีความเห็นไม่เพิกถอนโฉนดของโจทก์ก็ได้ ฉะนั้น การที่โจทก์มีความข้องใจหรือเป็นห่วงล่วงหน้า ทั้ง ๆ ที่จำเลยยังมิได้สั่งเพิกถอนโฉนดของโจทก์แล้วมาฟ้องศาลขอให้พิจารณาพิพากษาสั่งให้จำเลยระงับการเพิกถอนโฉนดของโจทก์นั้น จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์ใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ ได้
พิพากษายืน

Share