แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อแลกเปลี่ยนเอาเงินสดไปจากโจทก์ แต่นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ส. เพื่อชำระค่าเช่าพระเครื่อง แล้วส. นำเช็คไปขายแลกเงินสดจากโจทก์ในวันเดียวกัน ดังนี้ ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง ไม่ทำให้คดีโจทก์เสียไป
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 5,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้นายสุรพล ช้างพันธ์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2522 เพื่อชำระค่าเช่าพระเครื่อง แล้วนายสุรพล ช้างพันธ์ นำเช็คพิพาทไปขายแลกเงินสดจากโจทก์ในวันเดียวกัน แต่โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2522 จำเลยได้ออกเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขานครศรีธรรมราช จำนวน 1 ฉบับ เลขที่ 821296 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2522 สั่งจ่ายเงิน 5,500 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนเอาเงินสดไปจากโจทก์ จำเลยได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว มีปัญหาในชั้นฎีกาว่า โจทก์นำสืบนอกฟ้องรับฟังไม่ได้ดังข้อฎีกาของจำเลยหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คให้แก่นายสุรพล ช้างพันธ์ หรือผู้ถือ แล้วต่อมาโจทก์ได้เป็นผู้ทรงเช็คฉบับนี้โดยสุจริต ก็เป็นอันถือว่าจำเลยมีความผูกพันต่อโจทก์ตามเช็คนั้น แม้การที่โจทก์ได้เช็คไว้ ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะแตกต่างไปจากคำฟ้องบ้าง ก็ไม่ถึงกับทำให้คดีโจทก์เสียไป”
พิพากษายืน