แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายจับมือ อ. เดินตามหาเพื่อน สวนทางกับจำเลยทันใดนั้นจำเลยที่ 1 ตรงเข้าจับมือผู้เสียหายสะบัดหลุดจากมือ อ.ส่วนจำเลยที่ 2 เข้าจับอวัยวะเพศผู้เสียหายและกระชากสร้อยคอพาวิ่งหนีไป การที่จำเลยที่ 2 จับอวัยวะเพศผู้เสียหายไม่มีพฤติการณ์แสดงว่าได้คบคิดกับจำเลยที่ 1 มาก่อน การจับมือผู้เสียหายแสดงให้เห็นเจตนาเพียงให้โอกาสจำเลยที่ 2 กระชากสร้อยได้สะดวกเท่านั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร คงผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์เท่านั้น
ย่อยาว
ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278, 83 กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 6 เดือน และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336, 83 อีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 2 ปี ให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,000 บาทแก่ผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหากระทำอนาจารตามมาตรา 278 โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยที่ 1มีความผิดฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีข้อโต้แย้งในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า คืนเกิดเหตุผู้เสียหายกับพวกไปเที่ยวงานที่วัดวชิราลงกรณ์ ครั้นเวลาประมาณ 23 นาฬิกา ขณะผู้เสียหายจับมือนางอุทัย สืบนิคม เดินตามไปกับเพื่อน ได้เดินสวนทางกับจำเลยทั้งสอง ทันใดนั้นจำเลยที่ 1 ตรงเข้าจับมือผู้เสียหายสะบัดหลุดจากมือนางอุทัย ส่วนจำเลยที่ 2 เข้าจับอวัยวะเพศของผู้เสียหายและกระชากสร้อยคอ ซึ่งสวมอยู่ที่คอผู้เสียหายพาวิ่งหนีไป พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 จับอัวยวะเพศของผู้เสียหายนั้นไม่มีพฤติการณ์แสดงว่าได้คบคิดกับจำเลยที่ 1 มาก่อน กรณีจำเลยที่ 1 จับมือของผู้เสียหายแสดงให้เห็นเจตนาเพียงให้โอกาสจำเลยที่ 2 กระชากสร้อยจากคอผู้เสียหายได้สะดวกขึ้นเท่านั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร”
พิพากษายืน