แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทฟ้องว่าสาลดีกาพิพากสาไห้แบ่งมรดกตามกดหมายอิสลาม เมื่อกดหมายอิสลามไม่มีบัญญัติเรื่องสมรส โจทไม่มีสิทธิได้แบ่งสมรส
ย่อยาว
คดี ได้ความว่าโจทเปนภริยาพระยาภูมินาลภักดีซึ่งถึงแก่กัมเมื่อวันที่ ๘ พรึสจิกายน ๒๔๗๕ จำเลยเปนผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ตัวโจท ผู้ตายและทายาททุกคนนับถือสาสนาอิสลาม ต่อมาวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๔๘๕ จำเลยได้แบ่งมรดก โจทขอแบ่งสินสมรสไห้โจทก่อนโดยโจทมีสินเดิม ๑๙๓๐ บาท จำเลยไม่ปติบัติตาม จึงขอไห้สาลบังคับ
สาลชั้นต้นพิพากสาไห้จำเลยแบ่งสินสมรสไห้โจท ๑ ไน ๓ ก่อน ที่เหลือจึงแบ่งไห้ทายาท เพราะไนกดหมายอิสลามไม่มีบัญญัติถึงการสมรส จึงไห้แบ่งตามกดหมายผัวเมียมรดกที่ไช้หยู่ไนเวลานั้น
สาลอุธรน์เห็นว่า สาลชั้นต้นวินิฉัยผิดประเด็นที่คู่ความเสนอไว้ ข้อวินิฉัยมีหยู่ว่าไนเรื่องสินสมรสของภริยานั้นกดหมายอิสลามบัญญัติไว้หย่างไดหรือไม่ เรื่องนี้ปรากตว่า กดหมายอิสลามไม่ได้บัญญัติไนเรื่องสินเดิมสินสมรสไว้หย่างได เปนอันว่ากดหมายอิสลามไม่ไห้แบ่งทรัพย์ระหว่างผัวเมียออกเปนสินเดิมสินสมรสไห้แก่กัน ฉะนั้นการแบ่งทรัพย์มรดกตามกดหมายอิสลามนั้นไม่ต้องแบ่งสินสมรสของภริยา
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทกล่าวว่า ไนการแบ่งมรดกรายนี้สาลดีกาพิพากสาไห้แบ่งตามกดหมายอิสลามและตามประเด็นข้อ ๓ คู่ความก็มีความประสงค์ไห้สาลชี้ขาดว่าตามกดหมายอิสลามภริยาจะได้แบ่งสินสมรสหรือไม่ ปรากตว่ากดหมายอิสลามไม่ได้บัญญัติถึงเรื่อสมรสไว้เลยซึ่งก็เท่ากับว่าโจทไม่มีสิทธิได้แบ่งสินสมรสตามกดหมายอิสลาม ถ้าแม้จำเลยจะแบ่งสมรสไห้โจทก็จะเปนการผิดกดหมายอิสลาม ที่ไม่แบ่งไห้จึงเปนการถูกกดหมายอิสลามแล้ว จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์