แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาว่าควรรับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามหรือไม่ แม้ศาลชั้นต้นจะมีหนังสือแจ้งให้ศาลฎีกาทราบว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสามและจำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้ปัญหาตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามตกไปด้วย ศาลฎีกาจึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามต่อไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามออกจากตึกแถวพิพาทและส่งมอบคืนโจทก์ในสภาพสมบูรณ์ และให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน 702,667 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จกับให้ใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยทั้งสาม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การจำเลยทั้งสาม ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามนั้นเป็นฟ้องแย้งมีเงื่อนไข ไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสาม ศาลชั้นต้นอนุญาตและมีหนังสือแจ้งมาให้ศาลฎีกาทราบ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “แม้ศาลชั้นต้นจะมีหนังสือแจ้งต่อศาลฎีกาว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสามและจำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2548 ก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้ปัญหาตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามตกไปด้วย ปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 1532 และเลขที่ 1531 พร้อมอาคารตึกแถวเลขที่ 2 จำเลยทั้งสามได้เข้าอยู่ในอาคารตึกแถวดังกล่าวโดยโจทก์ไม่ได้อนุญาต ทั้งไม่มีสิทธิใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยทั้งสามให้การและฟ้องแย้งปฏิเสธฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาท จำเลยทั้งสามได้เช่าที่ดินและตึกแถวพิพาทจากตัวแทนของผู้มีอำนาจเอาทรัพย์สินออกให้เช่า ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามที่ยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์กับผู้มีชื่อได้ร่วมกันกระทำละเมิดข่มขู่ให้จำเลยทั้งสามออกจากที่ดินพิพาทและให้นำเงินไปชำระแก่โจทก์ก็ดี โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของศาลในคดีที่โจทก์กับนายประเสริฐถูกนายสุขเกษม สุพรรณนานนท์ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยและศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้โจทก์โอนหุ้น รวมทั้งห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาท การกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นการละเมิดและรอนสิทธิการเช่าของจำเลยทั้งสาม ทำให้จำเลยทั้งสามเดือดร้อนไม่สามารถครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาท ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามจึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสามกล่าวหาว่าโจทก์กระทำละเมิดอันเป็นเรื่องอื่นซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องเดิม ไม่อาจรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบมาตรา 179 วรรคสาม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน