แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลรัษฎากร มาตรา 30(1)(ข) บัญญัติว่า ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากร ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนสรรพากรเขตหรือผู้แทน และอัยการจังหวัดหรือผู้แทน และประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2) บัญญัติให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลได้อีก เมื่อจำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยยกอุทธรณ์ของโจทก์แล้วโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาล หรือฟ้องสรรพากรจังหวัดซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมิน หรือฟ้องกรมสรรพากรเป็นจำเลยได้อีกด้วย แม้โจทก์จะมิได้ฟ้องสรรพากรจังหวัดหรือกรมสรรพากรเป็นจำเลยด้วย ศาลก็พิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ หาขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินจังหวัดนนทบุรีได้ประเมินเรียกเก็บภาษีจากโจทก์รวมเป็นเงิน 1,058,643.57 บาท โจทก์ไม่มีเงินรายได้หรือรายรับดังกล่าว เพราะได้รับเงินไว้ในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทนครการศึกษา จำกัด โจทก์ได้อุทธรณ์ต่อจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จำเลยไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ ให้ยกอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้าตามที่ได้ประเมิน
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ซื้อที่ดินมาจัดสรรขายขาดมีกำไรไม่ได้รับเงินไว้ในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทนครการศึกษา จำกัดแต่ไม่เสียภาษีเงินได้และไม่เสียภาษีการค้าเจ้าพนักงานประเมินจังหวัดนนทบุรีได้หมายเรียกโจทก์มาไต่สวน แต่โจทก์ไม่มาตามนัดได้มอบอำนาจให้ผู้อื่นมาแทนภายหลัง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน และหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์
โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันหลายประการ
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย วินิจฉัยว่าเมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องสรรพากรจังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมิน และไม่ได้ฟ้องกรมสรรพากรเป็นจำเลยด้วย แม้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่อาจพิพากษาตามคำขอของโจทก์ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ไม่ต้องฟ้องสรรพากรจังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมิน หรือฟ้องกรมสรรพากรเป็นจำเลยด้วย พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลรัษฎากร มาตรา 3(1) (ข) บัญญัติว่าในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากร ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนสรรพากรเขตหรือผู้แทน และอัยการจังหวัดหรือผู้แทน เห็นว่าบุคคลที่กล่าวมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ หาได้เป็นแต่เพียงที่ปรึกษาของสรรพากรจังหวัดหรือกรมสรรพากรดังฎีกาของจำเลยไม่ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยยกอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว ประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2) ได้บัญญัติให้โจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลได้อีก โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลหรือฟ้องสรรพากรจังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมิน หรือฟ้องกรมสรรพากรเป็นจำเลยได้อีกด้วย และเห็นว่าโจทก์ไม่ต้องฟ้องสรรพากรจังหวัดนนทบุรีหรือฟ้องกรมสรรพากรเป็นจำเลยด้วย ศาลก็พิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ดังฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน