คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2682/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นหนังสือเสนอขอซื้อเครื่องในสุกรชำแหละจากโจทก์โดยยินยอมทำสัญญาและวางเงินประกัน โจทก์มีหนังสือตอบสนองว่า ผู้อำนวยการของโจทก์ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วเห็นควรจำหน่ายให้จำเลยตามราคาที่เสนอขอซื้อ ให้ไปทำสัญญาซื้อขายและวางเงินประกัน ดังนี้ตามหนังสือเสนอสนองของโจทก์จำเลยดังกล่าว โจทก์จำเลยต่างก็มีเจตนาว่าสัญญาอันมุ่งจะทำต่อกันนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือเสียก่อน ฉะนั้น กรณีของโจทก์จำเลยจึงยังมิได้มีสัญญาต่อกัน เพราะยังไม่ได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 366 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องร้องบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายกันโดยจำเลยมีหนังสือถึงโจทก์เสนอขอซื้อเครื่องในสุกรชำแหละตามราคา ที่เสนอจากแผนกขายของโจทก์เป็นประจำตลอดไป โจทก์ได้มีหนังสือสนองรับไปยังจำเลย แล้วจำเลยได้ซื้อเครื่องในสุกรชำแหละของโจทก์จนถึงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๑๖ ต่อจากนั้นจำเลยผิดสัญญาไม่ซื้อเครื่องในสุกรจากโจทก์อีก โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๖ ตั้งแต่จำเลยผิดสัญญาถึงวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๑๖ เครื่องในสุกรที่โจทก์สำรองไว้เพื่อขายต้องเน่าเสียหายเป็นเงิน ๖๐,๑๔๘.๔๗ บาท จึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาซื้อขายเครื่องในสุกรชำแหละกับโจทก์ตามฟ้อง จึงไม่เป็นการผิดสัญญา จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยยังมิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ จึงไม่ต้องรับผิดพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามหนังสือขอซื้อของจำเลยมีความว่า “ตามราคาดังกล่าวข้างต้น กระผมขอยืนยันว่าจะขอรับซื้อเป็นประจำตลอดไป โดยยินยอมทำสัญญาให้ไว้กับ อสร. และพร้อมที่จะวางเงินประกันสัญญา และปฏิบัติตามสัญญาที่ อสร.ต้องการทุกประการ” และตามหนังสือตอบสนองของโจทก์มีความว่า “ผู้อำนวยการ อสร.ได้เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วเห็นควรจำหน่ายเครื่องในสุกรชำแหละและผลพลอยได้อื่น ๆ ให้แก่ท่านตามราคาที่เสนอขอซื้อเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๖ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๑๗ โปรดไปทำสัญญาซื้อขายที่แผนกขาย อสร.ราชดำเนินฝ่ายหารค้า ในวันจันทร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๑๖ พร้อมทั้งวางเงินประกันสัญญาจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท” ตามหนังสือเสนอสนองของโจทก์จำเลยดังกล่าว โจทก์จำเลยต่างก็มีเจตนาว่าสัญญาอันมุ่งจะทำต่อกันนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือเสียก่อน ฉะนั้น กรณีของโจทก์จำเลยจึงยังมิได้มีสัญญาต่อกันจนกว่าจะได้ทำขึ้นเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๖๖ วรรคสอง ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาได้
พิพากษายืน.

Share