คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4362/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ขณะที่จำเลยออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับ หนี้ตามสัญญากู้ยืมสองฉบับยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม แต่การที่จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายระบุวันที่ล่วงหน้าโดยวันที่สั่งจ่ายที่ลงในเช็คตรงกับวันที่ครบกำหนดชำระเงินตามสัญญากู้ยืมทั้งสองฉบับดังกล่าว จึงต้องถือว่าจำเลยได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับเพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมอันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย ตามความในพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4แล้ว เมื่อเช็คพิพาททั้งสองฉบับถึงกำหนด ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 4

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4และขอให้นับโทษจำเลยทั้งสองสำนวนต่อกันด้วย
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางลมูล แซ่แต้ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยฎีกา แต่ในปัญหาข้อกฎหมายในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกานั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 15 และวันที่ 17ตุลาคม 2537 จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินไปจากโจทก์ร่วม จำนวน400,000 บาท และ 500,000 บาท ตามลำดับ จำเลยได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับ ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จำนวนเงิน 400,000 บาทและวันที่ 17 ตุลาคม 2537 จำนวนเงิน 500,000 บาท มอบให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระหนี้ เมื่อเช็คพิพาทแต่ละฉบับถึงกำหนดโจทก์ร่วมนำเข้าบัญชีโจทก์ร่วมที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งสองฉบับ โดยให้เหตุผลอย่างเดียวกันว่าโปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย ปรากฎตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 538/2540 และ จ.1 ถึง จ.3 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 539/2540 ของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับมอบให้โจทก์ร่วมในวันทำสัญญากู้ยืมขณะนั้นหนี้ตามสัญญากู้ยืมยังไม่ถึงกำหนดการออกเช็คของจำเลยจึงเป็นการออกเช็คเพื่อประกันหนี้ตามสัญญากู้ยืม ไม่ใช่จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 นั้น เห็นว่า แม้ในขณะที่จำเลยออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับ หนี้ตามสัญญากู้ยืม ฉบับลงวันที่ 15 และ 17 พฤษภาคม2537 เอกสารหมาย จ.1 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 538/2540และ จ.1 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 539/2540 ของศาลชั้นต้นตามลำดับ จะยังไม่ถึงกำหนดชำระหนี้ก็ตาม แต่การที่จำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายระบุวันที่ล่วงหน้าโดยวันที่สั่งจ่ายที่ลงในเช็คตรงกับวันที่ครบกำหนดชำระเงินตามสัญญากู้ยืมทั้งสองฉบับดังกล่าวจึงต้องถือว่าจำเลยได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับเพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมอันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายตามความในพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 แล้ว และเมื่อเช็คพิพาททั้งสองฉบับถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย อันแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share