คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท และได้ยื่นเช็คพิพาทเพื่อให้ใช้เงินเมื่อพ้นกำหนดเวลาหกเดือนนับแต่วันออกเช็คซึ่งธนาคารมีสิทธิปฏิเสธการจ่ายเงินด้วยเหตุดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991(2) แต่เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างเหตุว่า ‘ยังไม่มีการตกลงกับธนาคาร’ จึงเป็นการปฏิเสธการจ่ายเงินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มาตรา 3 คดีโจทก์จึงมีมูลที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค โดยจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้โจทก์ ครั้นเช็คถึงกำหนด โจทก์นำไปเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า ‘ยังไม่มีการตกลงกับธนาคาร’ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คมาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เช็ครายพิพาทจำเลยออกให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2525 โจทก์นำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2528 อันเป็นการยื่นเพื่อให้ใช้เงินเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันออกเช็ค แล้ววินิจฉัยว่า คดีนี้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยมิได้อ้างเหตุว่า เช็ครายพิพาทพ้นกำหนดการจ่ายเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 (2) แต่อ้างเหตุว่า’ยังไม่มีการตกลงกับธนาคาร’ เมื่อธนาคารไม่อ้างสิทธิตามมาตรา 991 (2) ดังกล่าว จึงต้องฟังว่าเป็นการปฏิเสธการใช้เงินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 แล้วคดีโจทก์จึงมีมูล
พิพากษากลับว่า คดีโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา.

Share