คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2675/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีหมิ่นประมาท โจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความบางตอนที่อ้างว่าเป็นหมิ่นประมาทโจทก์ และได้บรรยายด้วยว่ารายละเอียดข้อความดังกล่าวปรากฏตามภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้อง ดังนี้ศาลหยิบยกเอาข้อความในเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำฟ้องมาพิจารณาว่าโจทก์บรรยายฟ้องครบองค์ความผิดหรือไม่ได้
โจทก์แถลงขอสืบพยานว่า ข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชังเมื่อบุคคลอื่นได้อ่านหนังสือพิมพ์แล้วก่อให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ดังนี้ จึงไม่อาจพิจารณาแต่เพียงข้อความในเอกสารท้ายฟ้องเท่านั้น ศาลชอบที่จะทำการพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ได้บังอาจร่วมกันเขียนและพิมพ์ข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ลงในหนังสือพิมพ์ว่า อัปมงคลฟิล์มคือหนังน้ำเน่ามอมเมาต่ำช้า ถ้าพลัดหลงเข้าไปดู นอกจากไม่เป็นมงคลแก่ชีวิตแล้วยังจะฉุดชีวิตลงสู่หุบเหวแห่งความพินาศ ฯลฯ รายละเอียดข้อความดังกล่าวปรากฏตามภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำฟ้องของโจทก์ด้วย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 83, 86, 91 และมาตรา 50 ฯลฯ

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีมีมูลเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 83, 86, 91, 50 และพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 48

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์จำเลยแล้ว เห็นว่า คดีสามารถวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสืบพยาน มีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาสืบพยานให้สิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยทั้งสี่ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การฟ้องคดีหมิ่นประมาทโจทก์ต้องระบุมาในฟ้องให้ชัดเจนว่าข้อความใดเป็นหมิ่นประมาทโจทก์ เมื่อระบุไว้ชัดเจนแล้วจะนำข้อความอื่นในคอลัมน์ดาวกะพริบมาวินิจฉัยด้วย เป็นการนอกเหนือความประสงค์ของโจทก์ ไม่สอดคล้องกับกฎหมายวิธีพิจารณาความ เห็นว่า นอกจากโจทก์จะหยิบยกข้อความบางตอนในคอลัมน์ดาวกะพริบมาบรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยทั้งสี่หมิ่นประมาทโจทก์แล้ว โจทก์ได้บรรยายฟ้องอ้างถึงรายละเอียดข้อความที่ปรากฏในเอกสารท้ายฟ้องหมาย 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำฟ้องด้วย ดังนั้น ข้อความต่าง ๆ ที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทั้งสี่หมิ่นประมาทโจทก์ จึงมีรายละเอียดปรากฏอยู่ในเอกสารท้ายฟ้องหมาย จ.3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำฟ้องโจทก์ อันจะต้องพิจารณาประกอบกันที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาข้อความต่าง ๆ ในเอกสารหมาย จ.3 ท้ายฟ้องมาพิจารณา ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วย

โจทก์แถลงขอนำสืบว่าข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของจำเลยที่ 1ตามที่บรรยายในฟ้องและตามเอกสารท้ายฟ้องเป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เมื่อบุคคลอื่นได้อ่านหนังสือพิมพ์แล้วก่อให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ดังนี้ จึงไม่อาจพิจารณาแต่เพียงข้อความที่ตีพิมพ์ในเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 เท่านั้น แต่ต้องฟังข้อเท็จจริงให้ชัดแจ้งต่อไปอีกว่า ข้อความต่าง ๆ ในเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่ และก่อให้เกิดความรู้สึกแก่บุคคลทั่วไปว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share