แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ตายกับจำเลยเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อนและในวันเกิดเหตุผู้ตายกับพวกตามมาพบจำเลยที่สยามฟุตบอลเข้าไปหาอย่างประสงค์ร้าย จำเลยเดินหลบหนีไปแล้ว ผู้ตายกับพวกยังติดตามจำเลยไปอีก เมื่อจำเลยหลบหนีไปถึงใต้ถุนอาคารโรงเรียนติดกับกำแพงซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีไปทางใดได้อีก ผู้ตายกับพวกจึงตามไปทัน และเมื่อเข้าใกล้ประมาณ2 วา ผู้ตายก็ชัดมีดยาวคืบเศษจะแทงจำเลย โดยที่พวกของผู้ตายอีกคนหนึ่งก็ยืนคุมเชิงอยู่ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยได้ชักปืนยิงผู้ตายไปสองนัด เมื่อผู้ตายถูกกระสุนปืนทรุดตัวลง จำเลยก็ไม่ได้ยิงซ้ำอีก เป็นการกระทำเพียงพอกับความจำเป็นในการป้องกันผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นแก่จำเลย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายมณี แซ่หรือ ผู้ตาย และนายวิรัช รัตนกุลผู้เสียหาย หลายนัดโดยมีเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายมณีถึงแก่ความตาย แต่พลาดไปไม่ถูกนายวิรัช ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69 จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกับผู้ตายและนายวิรัชเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อนและในวันเกิดเหตุผู้ตายกับนายวิรัชขับขี่รถจักรยานยนต์ไปที่สนามฟุตบอลพบจำเลยยืนดูฟุตบอลอยู่ ผู้ตายกับนายวิรัชจึงลงจากรถจักรยานยนต์แล้วเดินเข้าไปหาจำเลยอย่างประสงค์ร้าย จำเลยเห็นผู้ตายกับนายวิรัชจึงเดินหลบไปทางอาคารโรงเรียนและเข้าไปอยู่ใต้ถุนโรงเรียนติดกับกำแพงซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีไปทางใดได้อีก ผู้ตายกับนายวิรัชจึงตามไปทัน และเมื่อเข้าใกล้ประมาณ 2 วา ผู้ตายก็ชักมีดยาวคืบเศษจะแทงจำเลย โดยที่นายวิรัชพวกของผู้ตายก็ยืนคุมเชิงอยู่ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยได้ชักปืนยิงผู้ตายไปสองนัด เมื่อผู้ตายถูกกระสุนปืนทรุดตัวลง จำเลยก็ไม่ได้ยิงซ้ำอีก เป็นการกระทำเพียงพอกับความจำเป็นในการป้องกันผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นแก่จำเลย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษายืน